อยู่เกาหลี อะไรๆก็ต้องแผนที่…

เมื่อก่อน เวลาจะไปไหนที่ไม่เคยไปมาก่อนเป็นเรื่องชวนปวดหัวไม่ใช่น้อย
เพราะไม่รู้ว่ามันต้องไปต่อรถราที่ไหน ใกล้ไกลสถานีรถไฟใต้ดินขนาดไหน
จากสถานีต้องเดินไปทางไหน ยังไง โอ๊ย เก๊กซิมมากมาย  แต่เดี๋ยวนี้
หลังจากที่จีรศักดิ์เริ่มคุ้นชินกับบริการทางอินเตอร์เนตของเกาหลีมากขึ้น
ปัญหาเหล่านั้นก็หมดไป ด้วยบริการค้นหาจากแผนที่สุดไฮเทดของเกาหลี
จริงๆบ้านเราก็มี Google Map แต่ที่เกาหลี เค้ามีของเขาเอง เริ่ดกว่า
ไฮเทคกว่า ทำอะไรได้เยอะกว่า ลืม Google Map ไปได้เลย
แผนที่กิมจิทำเองดีกว่าเป็นไหนๆ  ตอนนี้มีอยู่สองเจ้าแข่งกันเป็นใหญ่
นั่นคือแผนที่ของ Daum.net และ Naver.com
เรามาดูของดีจาก Daum.net กันก่อน

2010-09-22_010816

กูเกิ้ลเค้ามี Street View ที่ช่วยให้เห็นถนนนั้นแบบ 360 องศารอบทิศทาง
เหมือนกับว่าเราได้ไปยืนตรงนั้นจริงๆ แต่บริการนี้ก็จำกัดอยู่ในสหรัฐเท่านั้น
ส่วนในเกาหลี แผนที่ของ Daum ก็มีฟังก์ชั่นนี้เหมือนกันนะ
แค่คลิกไปที่เส้นสีฟ้าบนแผนที่ เราก็จะได้เห็นภาพจากตรงนั้นแบบรอบทิศทาง

2010-09-21_003516

ข้างบนเป็นภาพตัวอย่างถนนจริงๆ เป็นภาพหน้าหอพักของจีรศักดิ์เองแหละ
แต่คนทำแผนที่คงเอารถมาตระเวนถ่ายในมอตั้งแต่ต้นปี
ดังนั้นภาพที่เห็นคือภาพของหอพักที่ยังสร้างไม่เสร็จ ทวิภพจริงๆเลย
อะไรที่ฝรั่งมี เกาหลีก็จะขอมีบ้าง และจะทำให้ดีกว่า…
เชื่อเลย คนประเทศนี้ ว่าแต่ มีเรื่องขำๆจะเล่าให้ฟังด้วยแหละ
ลองดูภาพข้างล่างสิ

1260874547

ภาพนี้กลายเป็นข่าวดังเมื่อไม่นานมานี้ เพราะไอ้ฟังก์ชั่น Street View
ของแผนที่ Daum ดันไปแช๊ะพอดีกับสาวอาชีพขายนาผืนน้อยเข้า
ระหว่างตระเวนเก็บภาพในแหล่งเสื่อมโทรม
(เชื่อแล้วใช่ไหมว่ามันไปแทบทุกซอกซอยจริงๆ)
สาวเจ้าคงจะแปลกใจว่ารถอะไรติดกล้องหน้าประหลาดเลยชะโงกออกมาดู
จริงๆมันก็ไม่น่าเป็นข่าวเนอะ ก็แค่ผู้หญิงหาเช้ากินค่ำ (หรือหาค่ำกินเช้าหว่า)
ประกอบอาชีพสุจริตคนนึงเท่านั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ

2010-09-21_000155

แผนที่ของ Naver มีดีกว่านั้น เพราะแค่คลิกที่แผนที่ปั๊บ ถ้าเห็นรูปเครื่องบิน
บนแผนที่แสดงว่า บริเวณนั้นมีภาพถ่ายทางอากาศแบบรอบทิศทางให้ดูด้วย
อย่างที่เห็นในรูปข้างบนนี่แหละ ซูมเข้าออก หมุนได้รอบทิศ
ราวกับเราเป็นนกเลยอย่างไงอย่างงั๊น จากรูปถ่ายกลางอากาศข้างบน
เราจะยังเห็นรูปเครื่องบินลำน้อยเรียงกันอยู่อีก นั่นเป็นการบอกว่า
ตรงนั้นก็มีภาพถ่ายเพิ่มเติม ถ้าคลิกไปมันก็จะกระโดดไปตรงนั้นได้เลย
จริงๆเราเอาภาพเครื่องบินออกไม่ให้เกะกะสายตาได้ ดังรูปข้างล่างนี้

2010-09-21_001352e

ภาพนี้เป็นหาดเล็กๆชื่อว่า Songdo จีรศักดิ์เพิ่งไปเป็นครั้งแรก
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา(หลังจากอยู่มาสองปีกว่า กรี๊ดดด)
จริงๆจีรศักดิ์ไม่ค่อยสนใจหาดนี้เท่าไหร่ เพราะเป็นหาดเล็กๆ
แถมไม่รู้ว่าต้องต่อรถยังไง พอให้เห็นบนแผนที่ แถมบอกสายรถเมล์ให้เสร็จสรรพ
ก็เริ่มมีความมั่นใจว่า เราสามารถพิชิตที่นั่นได้โดยที่ไม่หลงตายกลางทาง 

2010-09-22_013634

ได้เวปของบริษัทรถเมล์ปูซานมาช่วยอีกแรง (http://bus.busan.go.kr)
เลยได้รู้ว่าจากที่ที่เราอยู่ ต้องขึ้นรถสายไหน แล้วต้องไปต่อรถที่ไหน
ซูมแผนที่เข้าออกได้ มีบอกระยะเวลาที่ใช้โดยประมาณด้วย 
รถเมล์กรุงเทพเราก็มีบริการค้นหาเส้นทางด้วยแผนที่นะ โดยผูกอยู่กับ
แผนที่ของ  Google ลองใช้ดูแล้วเน่าเฟะมากเลย หาอะไรก็ไม่ค่อยเจอ

 

กลับมาที่หาด Songdo อีกครั้ง ภาพข้างบนสวยไหมล่ะ วันที่ไปฟ้าฝนเป็นใจมาก
มีเมฆโฉบเลียบนยอดเขา นี่ถ้าไม่ได้บรรดาเวปข้างบนก็คงจะมาเองไม่ถูก
ตอนนี้รู้แล้วว่านั่งรถเมล์สนุกกว่ารถไฟใต้ดินมาก เพราะรถเมล์ไปได้ทุกที่
แถมได้เห็นชีวิตประชาราษฎร์ตามสองฝากฝั่งถนน อยากไปตรงไหน
ก็เข้าเวปเสิร์ชเอา อยู่เมืองปูซานนานๆเข้าก็เริ่มติดและชอบเป็นการส่วนตัว
ชายหาดก็เยอะ ภูเขาให้ปีนเล่นก็แยะ น้ำพุร้อนก็มี ยิ่งหาดนี้มีน้ำพุร้อน
ที่เป็นน้ำเค็มด้วย เค็มปี๊เลย ที่รู้เพราะตอนนอนแช่เป็นแมวน้ำอยู่
ดันเผลอให้น้ำเข้าปาก หึ หึ ปีหน้าก็ต้องจากเมืองนี้ไปแล้ว
ถ้ากลับไปภูเก็ตแล้วมีรถราสะดวกแบบนี้ก็คงจะดี  แต่ก็อย่างว่า
เจ้าพ่ออิทธิพลที่นั่นคงเยอะกว่าเจ้าพ่อเจ้าแม่ตามศาลเจ้า
เมืองภูเก็ตมันถึงโดนสาบให้ไร้การพัฒนาอยู่อย่างนี้
คิดแล้วเศร้าใจเมืองไทย เมื่อไหร่มันจะพัฒนาสักที
ลงสมัคร สส. ดีไหมหว่า ปากดีอย่างจีรศักดิ์คงจะโดนจ่อยิง
ตั้งแต่ออกเวทีแรก คั่กๆๆ
 

เที่ยวชายแดนสองเกาหลี DMZ และ JSA (Panmunjom) ตอนจบจ้า


ทิ้งบลอคไว้นานจนแทบเน่า
ได้เวลามาต่อความระทึกที่ชายแดนเกาหลีเหนือกันแล้ว
เป็นภาคสองของตอนที่แล้ว ดองไว้นานมากกว่าจะได้เขียน
หากยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้ว เลื่อนลงไปอ่านตอนเก่าด้านล่างก่อนนะจ๊ะ

และแล้วจีรศักดิ์ก็มาถึง…
อาคารสีฟ้าคร่อมชายแดนสองเกาหลี และตึกหน้าตาโบราณของเกาหลีเหนือ
รวมไปถึงหมู่สนที่เป็นแบคกราวน์ เป็นภาพที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คนที่ดูหนังเกาหลีบ่อยๆ
หรือไม่ก็คนที่สนใจด้านการเมืองระหว่างประเทศ วันนี้จีรศักดิ์ได้มาเหยียบที่นี่แล้ว
เป็นบุญของข้าพเจ้าแม่นแท้แล้ว…. สาธุ

ไกด์สาวและทหาร UN นำเราเข้าไปในอาคารสีฟ้า
ในอาคารจะมีโต๊ะเจรจาแบ่งครึ่งห้องประชุมพอดี
ข้ามโต๊ะไปอีกด้านก็คือเกาหลีเหนือ และรูปข้างบนนี้ก็ถ่ายจากฝั่งเกาหลีเหนือจ๊ะ
ทหารคนนี้จะยืนคร่อมจุดแบ่งสองเกาหลีพอดี

อูยยส์ รูปจีรศักดิ์ข้างบนหน้าตาโทรมมาก…
สิ่งที่น่าสนใจในห้องนี้คือ ทหารเกาหลีใต้ที่ยืนจังก้าทำท่าเตรียมพร้อม ยืนนิ่งมาก
ตอนแรกจีรศักดิ์ก็นึกว่ามันเป็นหุ่น แม้แต่ตอนเข้าไปยืนถ่ายรูปข้างๆ
และเข้าไปยืนชิดตัว เพ่งแล้วเพ่งอีกก็ยังไม่รู้ว่านั่นมันเป็นคนจริงๆ
ที่เห็นเป็นเครื่องแบบฤดูร้อน เครื่องแบบจะเปลี่ยนไปตามฤดูดั่งพระแก้วมรกต
(เอาอีกแล้ว ละลาบละล้วงเบื้องสูงอีกแล้ว…) ระหว่างอยู่ในอาคาร ได้ยินเสียงระเบิด
ในระยะใกล้ ทหารวิ่งเช็คกันให้วุ่นวาย แต่สุดท้ายก็บอกว่าไม่มีอะไร แหม นึกว่า
จีรศักดิ์จะได้เป็นข่าวลง CNN ซะแล้ว (แต่ในสภาพดีหรือเละนี่อีกเรื่องนะ)

Clinton-DMZ-2e

ฮีลารี่ คลินตัน เมื่อสองสามเดือนก่อนก็มายืนแอ๊กท่าเฉิดฉายถ่ายรูปที่จุดเดียวกันนี้
ฮีลารี่มาเยือนเกาหลีใต้เพื่อขู่เกาหลีเหนือที่นับวันทำตัวซ่าบ้าเลือดราวกับเด็กแว๊น
ในรูปจะเห็นทหารเกาหลีเหนือมายืนแอบมองที่หน้าต่างอย่างสงสัยใคร่รู้
สงสัยว่าฮีลารี่เดี๋ยวนี้ทำไมหน้าตาโทรมจัง สงสัยคลินตันตัวผู้ยังตัดลูวินสกี้ไม่ขาด…

กลับมาข้างนอกมายืนทำหล่อกับสถานที่ประวัติศาสตร์อีกครั้ง
ถ้ามองจากตรงนี้ จะเห็นแต่ทหารของเกาหลีใต้ และทหารUN
เพราะเดี๋ยวนี้ทหารเกาหลีเหนือฝั่งโน๊นไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นเหมือนแต่ก่อน
ได้ข่าวว่าฟากโน๊นวันนี้มีแขกด้วย แต่อย่างไรก็ดี…

จะเห็นว่ายังมีทหารเกาหลีเหนือผลุบโผล่คอยส่องกล้องส่องทางไกล
มาทางฟากเราดั่งอีแอบ เสียมู๊ดมากเลย เพราะคาดว่าจะได้มาเห็น
ทหารเกาหลีเหนือเดินเดินลาดตระเวนพรึ่บพรั่บ

looking_into_south_korea_at_panmunjom_north_korea_photo_kfa_2

ภาพข้างบนเป็นภาพที่ถ่ายมาจากฝั่งเกาหลีเหนือ (แน่นอน ขโมยเขามา
ใครจะไปมีปัญญาถ่ายได้) จะเห็นอาคารฝั่งเกาหลีใต้สวยงามทันสมัยกว่ากันมาก
ราวกับมาจากคนละดาวกัน แม้กระนั้นคนเกาหลีเหนือหลายคนก็ยังเชื่อว่า
ทางเกาหลีใต้ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน นี่แหละผลของ propaganda ของรัฐบาลคิมจองอิล
มีเรื่องเล่าเล็กน้อยอยู่ว่า ตอนที่เกาหลีใต้สร้างอาคารใหม่ใหญ่โต
เกาหลีใต้เหนือก็ต่ออาคารฝั่งตัวเองให้สูงขึ้นอีกชั้นทันที เพื่อให้สูงเทียมกัน
แถมยังห้ามเกาหลีใต้ใช้งานอาคารดังกล่าวด้วย
ข้างในอาคารจึงโล่งๆไม่มีอะไรแม้แต่เก้าอี้ตัวเดียวก็ไม่มี
(แต่จีรศักดิ์ก็เดินออกมาจากอาคารนั้นนะ)

ตอนกลับรถพาแล่นเฉียดอาคารสีฟ้าในระยะประชิด เลยได้มุมมองถ่ายรูปแปลกๆ
อีกมุม จะเห็นท่ายืนเตรียมพร้อมของทหารเกาหลีใต้ เป็นท่ายืนของเทควันโด
ดัดแปลงมาเพื่อไว้เป็นท่ายืนเฝ้ายามโดยเฉพาะ กลับบ้านลองไปยืนเลียนแบบ
ทำได้ไม่เกินสองนาที เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากมาย…

ระหว่างทางกลับ เค้าแวะให้ชมจุดชมวิวที่สามารถเห็นหมู่บ้านในฝั่งเกาหลีเหนือได้
จริงๆแล้วที่เห็นคือหมู่บ้านหลอกๆ ไม่มีคนอยู่ ตึกถ้ามองดีดีก็จะเห็นว่าไม่มีแม้แต่หน้าต่าง
ทำมาไว้หลอกคนเกาหลีใต้ให้ข้ามฝั่งไปอยู่เกาหลีเหนือ ใครเชื่อก็กระบือล่ะ
ที่น่าสนใจตรงจุดนี้คือเสาธงขนาดมหึมา สูงที่สุดในโลกด้วย นับถือจริงๆเลย
น่าจะจับมาแข่งกับประเทศไทย เพราะชอบทำอะไรที่สุดโนโลกแบบไร้สาระพอๆกัน

ระหว่างทางกลับ รถจะขับเลียบแนวพรมแดนยาวกลายกิโลเมตร ซึ่งจะมีลวดหนามกั้น
และมีป้อมและทหารประจำการอยู่เป็นระยะ เห็นแล้วเศร้าลึกๆเนอะ
เคยเป็นชาติเดียวกันแท้ๆ เพิ่งอ่านข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า เค้าจะเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์
ประจำการแทน ปลอดภัยกว่า แถมจับความเคลื่อนไหวฝ่ายโน๊นได้ดีกว่าด้วย
เพราะหุ่นยนต์ประดับไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย ยิงตอบโต้ได้ด้วย

เย็นย่ำเกือบค่ำก็ได้กลับมาที่กรุงโซล รู้สึกเสียวๆแทนคนกรุงโซล
ที่มีเมืองหลวงอยู่ห่างชายแดนไม่ถึงร้อยกิโล เจอจรวดขีปนาวุธทีนึง สงสัยจะราบคาบ…
จีรศักดิ์ก็ได้แต่ภาวนาว่า จะไม่เกิดอะไรขึ้นในช่วงชีวิตของเรา
สงครามปกติก็ร้ายแล้ว สงครามกับคนชาติเดียวกัน ยิ่งร้ายกว่าหลายเท่าเนอะ…

 

เที่ยวชายแดนสองเกาหลี DMZ และ JSA (Panmunjom) สุดตื่นเต้นปนระทึก

ขอเกริ่นไว้ก่อนว่า การเดินทางไปทริปครั้งนี้ถือได้ว่าเสี่ยงตายที่สุด
ในชีวิตของจีรศักดิ์ นั่นเพราะจุดหมายของทริปนี้คือพรมแดนเกาหลีเหนือ-ใต้
ซึ่งปกติไม่สามารถเข้าออกได้เนื่องจากสองเกาหลีเป็นปรปักษ์ต่อกัน
ในทางเทคนิคถือได้ว่าจีรศักดิ์ได้ไปเหยียบเกาหลีเหนือแล้วล่ะ
(เดี๋ยวจะว่าในรายละเอียดต่อไป) ทริปนี้ไปเองไม่ได้ ต้องซื้อทัวร์ไปเท่านั้น 
และระหว่างทางยังต้องเปลี่ยนไปนั่งรถบัสของUN
ซึ่งจะมีทหารสหรัฐ escort ติดรถไปด้วย
แม้กระนั้นก็ไม่ได้แปลว่าทริปนี้จะปลอดภัยแต่อย่างใด ก่อนไปเหยียบพรมแดน
ก็ยังต้องเซ็นรับรู้ก่อนว่าอาจเจอการปะทะจากฝ่ายตรงข้ามได้

 map

ประเทศเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าไม่ได้มีสนธิสัญญาสันติภาพต่อกัน
ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รับรู้การมีอยู่และรัฐบาลของกันและกัน
สงครามในคาบสมุทรเกาหลีจึงอาจจะระเบิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้
จากการจู่โจมโดยกระทันหันของฝ่ายคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ
ที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามเกาหลีสงบจากข้อตกลงหยุดยิงในปี คศ.1953
เกาหลีเหนือก็ยังทำวีรกรรมไว้มากมายอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
มีทั้งการลักพาตัวประชาชน ส่งสปายสายลับ ส่งกองกำลังข้ามพรมแดน
ยิงนักท่องเที่ยวและจับชาวประมงเกาหลีใต้ แอบลอบขุดอุโมงค์ลับ(เดี๋ยวจะพาไปดูด้วย)
ยิงเรือรบเกาหลีใต้จม (เมื่อไม่นานมานี้) และอะไรอื่นๆยากจะสาธยายได้หมด
ที่น่าเศร้าคือพรมแดนนี้กั้นคนชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน และเคยเป็นครอบครัวเดียวกัน
จริงๆแล้วไม่มีฝ่ายใดเห็นว่านั่นคือพรมแดน เพราะต่างอ้างความเป็นเจ้าของ
คาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด ที่กั้นนี่ก็คือการกั้นอย่างเสียไม่ได้และเลี่ยงการตีกันเท่านั้นเอง
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้สมัครใจเลย แต่ UN และสหรัฐเป็นคนกำหนดเขตเหล่านี้

DMZ_map
 
พรมแดนที่กั้นระหว่างสองเกาหลีไม่ได้เป็นเส้นแบบที่ก้าวขาไปก็ข้ามไปได้อีกฝั่ง
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ถอยร่นเว้นที่ไว้ด้านละประมาณ2กิโลเมตร ทำให้เกิดเป็นแนวใหญ่
พาดกลางคาบสมุทรเกาหลี แนวที่มีความกว้างโดยเเฉลี่ย 4 (2+2) กิโลเมตรนี้เรียกว่า
DMZ หรือ Demilitarized Zone ไม่ว่าทหารหรือพลเรือนก็ไม่สามารถเข้าออกบริเวณนี้ได้
แต่หากพื้นที่ใน DMZ ทั้งหมดถูกปิดกั้นทั้งหมด
ทั้งสองประเทศก็ไม่มีทางติดต่อเจรจาพบปะหารือในกรณีฉุกเฉินได้
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของเขต JSA Jointed Secutiry Area
ซึ่งจะตั้งอยู่ใจกลางเขต DMZ และอยู่ภายใต้การควบคุมจากหลายฝ่าย ทั้งสองเกาหลี
และสหประชาชาติ (UN) และชาติเป็นกลางอื่นๆ
จุดสำคัญที่สุดใน JSA ก็คือบริเวณ Panmunjom(พันมุนจอม)
ซึ่งเป็นจุดที่ทหารของสองเกาหลีจะยืนเผชิญหน้ากันตลอดเวลา
โดยมีเส้นแบ่งคร่อมตึกเจรจาไว้อย่างชัดเจน

ZZ_JSA_Movie
 
แต่เป็นมันเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดตั้งแต่จีรศักดิ์ได้มาเกาหลีและได้รับรู้ว่าเราชาวต่างชาติ
สามารถไปเยือนPanmunjomได้ในฐานะแขกของUN
ซึ่งแม้แต่คนเกาหลีและคนจากบางประเทศก็ยังหมดสิทธิ์ไป
แต่เหล่าสาวกเกาหลีส่วนใหญ่ชาวไทยจะไม่ไปทริปแบบนี้
เพราะไม่ได้เน้นความบันเทิงเริงรมย์ ไฮไลท์ของทัวร์นี้คือ Panmunjom
ซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่ทหารของสองเกาหลีจะมายืนประจันหน้าหายใจรดกัน
จริงๆมันเป็นสถานที่ที่เอาไว้ให้สองเกาหลีเจรจากันในกรณีเกิดวิกฤติ
(ซึ่งก็ถูกใช้งานหลายครั้งแล้ว ทั้งเจรจาดีดี และยิงเป่าหัวกัน)
สถานที่นี้
อยู่ในความดูแลของUNด้วย หลายคนคงจะคุ้นตาดี
เพราะปรากฎบ่อยๆในหนังเกาหลีที่พูดถึงเรื่องของการแบ่งแยกประเทศ
โดยเฉพาะหนังเกาหลีฟอร์มยักษ์เรื่องJSA ที่ทำเอาจีรศักดิ์น้ำตาซึม
แถมออกอาการซึมเศร้าไปสามวันสามคืนติดกัน และคิดว่าชาตินี้จะต้องไปเยือน
พันมุนจอมให้ได้ และแล้ว วันนั้นก็มาถึง…..

XX_DSC03937

รถออกจากกรุงโซลตอนเที่ยง ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็เข้าใกล้เขตDMZ
(คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าถ้าเกาหลีเหนือบุก เมืองไหนจะเละตุ้มเป๊ะก่อนเป็นอันดับแรก
กรุงโซลนั่นเอง อิอิ) ก่อนอื่นรถจะข้ามสะพาน Unification Bridge
(สะพานรวมประเทศ)ก่อน ในรูปจะเป็นด่านก่อนขึ้นสะพาน
เลยสะพานไปเราจะถ่ายรูปสองข้างทางไม่ได้
ยกเว้นบางจุดเท่านั้นที่ได้รีบอนุญาตให้ถ่ายได้ 
ในรูปจะเห็นเจ๊หน้าบานคนนึง
นั่นคือไกด์สาวชาวเกาหลีของเรานั่นเอง ใครเป็นแฟนเจ๊แย่หน่อย
เพราะไม่รู้ว่าเจ๊จะถูกทหารเกาหลีเหนือเป่าดับวันไหน ฮ่าๆๆ
อ้อ ลืมบอกไปว่าทัวร์นี้ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด เพราะคนเกาหลีมาทัวร์นี้ไม่ได้อยู่แล้ว
คณะเราทั้งหมดเป็นฝรั่งหัวทองหรือไม่ก็ลูกครึ่งสัญชาติอเมริกัน มีจีรศักดิ์กับเพื่อน
ที่ไปด้วยเท่านั้นที่เป็นชาวไทยหัวดำๆ   

XX_DSC03939
  

การเหตุไฉนเลยจีรศักดิ์จะไม่ถ่าย ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หลังจากข้ามสะพานแล้ว
จากนี้จะเริ่มเข้าใกล้เขต DMZ (ยังไม่เข้าเต็มๆนะจ๊ะ) สังเกตว่าจากนี้จะมีแต่ป่าๆๆๆ และป่า
เพราะเป็นเขตควบคุมพิเศษ ด้วยเหตุนี้แถวนี้จึงกลายเป็นเสมือนสถานอนุรักษ์พันธุ์สัตว์
ไปโดยบัดดล นี่ก็ 50 ปีผ่านไปแล้ว ที่แทบไม่มีใครมายุ่มย่ามแถวนี้

XF_DSC03947_EX_MSN

เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ ลองมาดูแผนที่ที่จีรศักดิ์ดัดแปลงมากันเถิด
เส้นสีแดงคือเส้นแบ่งเขตแดน สีส้มคือเขตที่แต่ละฝ่ายถอยร่นเป็นกันชน
พื้นที่ในเขตนี้ทั้งหมดจะถูกเรียกว่า DMZ ในเขต DMZ จะเป็นที่ตั้งของเขต JSA
ซึ่งประกอบไปด้วยค่ายทหารUN (Camp Bonifas) และมีสถานเจรจาตกลงPanmunjom
คร่อมพรมแดนสีแดงอยู่ (อยู่ทางซ้ายมือสุดของรูปน่ะ)
นอกจากนั้นยังมีหมู่บ้านของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ (ในวงสีแดงและสีขาวตามลำดับ)
ซึ่งหมู่บ้านสองแห่งนี้เท่านั้นที่อยู่ในเขต DMZ (จริงๆทางฝั่งเกาหลีเหนือเป็นหมู่บ้านหลอกๆ
ไม่มีใครอาศัยอยู่เลย เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันทีหลังนะ) หมู่บ้านฝั่งเกาหลีนั้น คนที่จะมีสิทธิ์อยู่
ต้องเป็นคนในพื้นที่เดิมก่อนการแบ่งแยกเท่านั้น  คงสงสัยล่ะสิว่า
ใครมันยังบ้าอยากจะอยู่ในเขตที่น่ากลัวบันลือโลกแบบนี้
คำตอบคือคนในหมู่บ้านนี้ได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลมากมาย
เช่นอยากเข้าเรียนมหาลัยอะไรก็ได้ที่เกาหลี เป็นต้น

xx_DSC03964 

ก่อนเข้าเขตDMZ ทัวร์จะพาเราไปเยือนหอนิทรรศการ DMZ และต่อด้วย
หนึ่งในหลายๆถ้ำที่ทหารเกาหลีเหนือขุดไว้ให้มาโผล่จ๊ะเอ๋ฝั่งเกาหลีใต้ ที่เค้าพาไปคืออุโมค์
แห่งที่สาม คาดว่าอุโมงค์แบบนี้น่าจะมีทั้งหมดมากกว่า 10 อุโมงค์ แต่ยังไม่เจอทั้งหมด  
ปากอุโมงค์แห่งที่3นี้ห่างจากกรุงโซลแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น
ถ้าทหารเป็นกองพันวิ่งมาพร้อมกันจากหลายอุโมงค์ก็คงจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ไม่ยาก
และนี่คือหนึ่งในความปราถนาดีอย่างสุดหัวใจของทหารเกาหลีเหนือ
มาสู่ประชาชนชาวกรุงโซลของเกาหลีใต้ทุกคน ซึ้งใจจริงๆพับผ่า

xx_DSC03956_tunnel

ในรูปจะเป็นช่วงต้นๆของถ้ำ ซึ่งเป็นทางเรียบลาดลงไปสุดสายตาจนน่าตกใจ
แต่พอเดินลงไปลึกๆถ้ำดีดีก็กลายสภาพเป็นนรก ทั้งแคบ ทั้งเตี้ย ทั้งมืดสลัว และชื้น
มีน้ำหยดลงมาจากเพดานถ้ำตลอดเวลา ผนังก็เป็นหินแกรนิตขรุขระ น่าจะเรียกว่า
ระเบิดถ้ำมากกว่าขุดถ้ำ เพราะมีรูไดนาไมต์เต็มไปหมด
ขยันและทะเยอทะยานจริงๆเลยพวกทหารเกาหลีเหนือนี่

xx_DSC03969

จากนั้นทัวร์ก็พาเราไปแอบส่องกล้องดูฝั่งเกาหลีเหนือบนยอดเขาโดราซัน
(ย่อมาจากโดราเอมอนซัน: ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ฮ่าๆๆ) เขาโดราซันเป็นจุดชัยภูมิที่ดีเลิศ
เห็นฝั่งเกาหลีเหนือได้กว้างเลย ดังนั้นจึงต้องมีทหารคอยควบคุมไม่ไห้คนถ่ายรูปฝั่งโน๊น
หรือแอบถ่ายรูปผ่านกล้องส่องทางไกล (แต่ขอโทษนะ ตอนท้ายของทัวร์ เค้าพาไปอีกที่นึง
ที่ชิดเส้นแดงพรมแดนเลย จึงเห็นเกาหลีเหนือชัดกว่าส่องจากกล้องบ้าๆนี้อีก)
ที่นี่มีหอสังเกตการณ์ของทหารด้วย แน่นอนเราเข้าไปไม่ได้
ฝรั่งคนนึงบ่นว่า “กรี๊ดด นี่พาชั้นมาทำไมเนี่ยะ อะไรๆก็เข้าไม่ได้”
จีรศักดิ์เห็นด้วย แต่อีกใจนึงก็นึกอยากจะให้เจ๊ออกไปเดินเล่นอย่างอิสระริมถนนแถวนี้
เพราะริมถนนนักจะมีป้ายปักไว้ว่า ”ระวังกับระเบิด”

XX_DSC03988

สถานที่ต่อไปคือสถานีรถไฟโดราซัน ที่ถูกสร้างขึ้นสมัยเมื่อสองเกาหลีมีความสัมพันธ์ที่ดี
ต่อกันเมื่อหลายปีก่อน โดยมีการต่อทางรถไฟที่เคยถูกตัดขาดไปให้เชื่อมกันใหม่
ปัจจุบันถูกใช้แค่ไว้ขนส่งลำเลียงสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ที่ไปตั้งในเกาหลีเหนือ
และสำหรับนักธุรกิจในนิคมเท่านั้น ประชาชนทั่วไปหมดสิทธิ์
เสียดายมาก อุตส่าห์สร้างซะใหญ่โต

xx_DSC03983

ป้ายใหญ่ในตัวสถานีรถไฟ มีข้อความแสดงข้อความซึ้งๆว่า
”ไม่ใช่สถานีที่อยู่เหนือสุดของดินแดนเราทางฝั่งใต้
แต่เป็นสถานีแรกสุดไปสู่ดินแดนทางฝั่งเหนือ”

XX_DSC03994 

มันเป็นความขนขื่นที่ว่า เรายังไม่มีความหวังเลยว่า
สถานีนี้จะถูกใช้สำหรับให้คนสองเกาหลีผ่านเข้าออกหากันได้โดยอิสระ
ในป้ายที่ชานชาลาบอกไว้ว่าจากสถานีนี้เชื่อมระหว่างสองเมืองหลวง
นั่นคือกรุงโซล และกรุงเปียงยาง ใครอยากไปกรุงเปียงยางบ้างเอ่ย… 

XX_Bonifus_DSC03999

จากนั้นรถพาเราเข้าเขตDMZ และJSA ซึ่งจะมีค่ายทหารของUN อยู่ (Camp Bonifas)
เราจะต้องเข้าไปฟังแลคเชอร์เกี่ยวกับ JSA และภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
บรรยายโดยทหารสหรัฐมาดแมน ซึ่งสำเนียงฟังยากมาก แถมพูดเร็วน้ำไหลไฟดับ
จีรศักดิ์ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ยังดีที่ศึกษาหาข้อมูลไปก่อนบ้าง
ฟังข่าว CNN ยังรู้เรื่องกว่าหลายเท่าเลย เซ็งจิต

XX_DSC03943

จากนี้ เราจะไปเยือนสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของทัวร์นี้ นั่นคือ Panmunjom นั่นเอง
ให้ดูแบบจำลองก่อนนะ เราจะเห็นอาคารเจรจาสีฟ้าหลายหลังเรียงกัน
อาคารเหล่านี้จะตั้งคร่อมเขตแดนสองเกาหลีพอดี ข้างในจะมีโต๊ะเจรจา
ของบรรดาผู้แทนประเทศที่เป็นกลาง และตัวแทนของ UN
อาคารสวยๆสไตล์โมเดิร์นด้านขวามือคืออาคาร Freedom House ของเกาหลีใต้
ตึกแบบคร่ำครึที่อยู่เลยอาคารสีฟ้าออกไปคืออาคารของเกาหลีเหนือ
ตึกของสองกาหลีมันตั้งประจันหน้ากันอยู่อย่างนี้แหละ
โดยมีทหารของทั้งสองฝ่ายและทหารUNรักษาการอยู่ตลอดเวลา
เราจะเข้าไปในอาคารสีฟ้านี้กันด้วย

xx_DSC04004

รถบัสของ UN จะไปจอดหน้าอาคาร Freedom House
เราจะเดินเข้าไปในอาคารก่อนและตั้งแถวให้เป็นระเบียบในอาคาร
เพื่อเดินออกไปโผล่อีกด้านไปให้ทหารเกาหลีเหนือเชือดทีละคน (แฮ่ พูดเล่นน่า)
พอเดินเรียงแถวขึ้นถึงบันไดขั้นสุดท้ายจะเห็นทางออกอีกด้านปรากฎอยู่ตรงหน้า
ทางออกของตัวอาคารอีกด้านนำไปสู่ฉากอันน่าตื่นตะลึง ที่จีรศักดิ์ไม่คาดคิดว่าชาตินี้
จะได้มีโอกาสเห็นด้วยตาของตัวเอง ก่อนอื่น จีรศักดิ์ขอสารภาพว่า
แว๊ปแรกที่ได้เห็นภาพนี้ตอนมองมาจากในอาคารฝั่งเกาหลีใต้ รู้สึกกลัวและประหม่ามาก
คิดว่าคนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกัน ไม่มีใครพูด ยิ้ม หรือหยอกล้นกันเลย
เพราะเบื้องหน้าเรา ถัดจากครึ่งหนึ่งของอาคารสีฟ้าไป
ก็คือเกาหลีเหนือ และทหารเกาหลีเหนือ  บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนน่ากลัว
นี่คือการเผชิญหน้ากับประเทศที่ลี้ลับและเก็บตัวเงียบที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนี้
จนมีคนตั้งสมญานามให้ว่า ”Hermit Kingdom” หรือดินแดนแห่งฤาษี

โปรดติดตามตอนต่อไป…  อิอิ เสียอารมณ์เลยใช่ม๊า แหม จะดูของดีต้องใจเย็นๆ…

 

 

วันนี้ ที่รอคอย… (รีวิว SONY NWZ-W202)

มันเป็นการรอคอยที่นานแสนนาน แต่ก็ไม่นานเกินที่จะรอ
นั่นคือการรอให้ราคาเครื่องเล่น mp3 ของ SONY รุ่นที่เป็นแบบเกี่ยวหู
(หรือเกี่ยวหัวหว่า) ลดราคาลงในระดับที่จีรศักดิ์รับได้
เพราะราคา gadget ของ SONY ทุกอย่างมักแพงเว่อร์ และแล้ววันนั้นมันก็มาถึง
ได้อานิสงค์จากการสมัครสมาชิกเวปขายของ shopping ของเกาหลีสารพัดเจ้า
ก็เลยหาได้ในราคาที่ถูก แถมอัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้ยิ่งเป็นใจ ค่าเงินวอนตกกราวรูด
ทำให้จีรศักดิ์ได้มันมาในราคาหักจากบัตรเครดิตไทยแล้วเป็นเงิน 2,200 บาทเท่านั้นจ้า…
อันนี้ซื้อจากเวป interpark ที่จีรศักดิ์ใช้สั่งซื้อหนังสือมาอ่านบ่อยๆ
(เห็นไหม ไม่ได้ใช้ซื้อแต่ของไร้สาระนะจ๊ะ) ที่เมืองไทยตอนนี้ราคายังอยู่ที่ 2,900 อยู่เลย
แต่ถ้าเทียบกับราคาเปิดตัวเกือบ 4,000 บาทแล้วล่ะก็ ราคาที่จีรศักดิ์ได้มาถือว่าคุ้มมากๆ

z_sony_DSC03769

ในกล่องมาพร้อมกับขาตั้งสวยหรูคู่ศตวรรษที่21 ขาตั้งนี้จะทำหน้าที่เป็นแท่นชาร์จไฟ
และโอนเพลงเข้าตัวเครื่องเล่นจ๊ะ เครื่องเล่นนี้ไม่มีหน้าจอ ใช้งานลำบากนิดนึง
แต่จีรศักดิ์เอาไว้ฟังเล่นขำๆในตอนออกไปเดินเล่น หรือโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน
มันสะดวกมากที่ไม่ต้องเอามือไปพะวงกับสายอันรุงรังเหมือนเครื่องเล่น mp3 อื่นๆทั่วไป
 

f_SONY_DSC03771

หูฟังสองข้างผนึกกันได้ด้วยพลังแม่เหล็ก เวลาจะใช้ก็จับแยกออกแล้วยัดหู
ยิ่งยัดเข้าไปลึกๆ เสียงเบสยิ่งกระหน่ำ หลายคนคงอยากได้เอาใว้ใส่วิ่งจ๊อกกิ้ง แต่ขอบอกว่า
รุ่นนี้มันไม่กันน้ำและกันเหงื่อ ส่งคืนกันมาเยอะแล้ว SONY เองก็รู้เรียกคืนไปหลายตัว
และออกรุ่นใหม่มาแก้หน้า แต่หน้าตาของรุ่นใหม่เทอะทะ อุ้ยอ้าย สมกับที่มันกันน้ำได้
(กำลังประชดอยู่นะนั่น) จีรศักดิ์เลยเลือกรุ่นเก่าดีกว่า อันเก่านี้หน้าตาก็ทำด้วยสแตนเลส
ดูเก๋ไก๋สไลเดอร์ดีกว่ารุ่นใหม่ตั้งเยอะ จีรศักดิ์ไม่เอาไปใส่วิ่งออกกำลังกายอยู่แล้ว
มันคงไม่พังหรอกน่า เรื่องคุณภาพเสียงอยู่ในระดับดี เสียงเบสนุ่ม แต่เสียงขาดมิติไปนิด
เพราะมันปรับอะไรไม่ได้เลย ไม่เหมือนเครื่องเล่น mp3 ยี่ห้ออื่นที่ปรับมิติเสียงได้
จีรศักดิ์ชอบการปรับเสียงแบบ DNSe ของ Samsung เป็นพิเศษ แต่ตัวที่ฟังแล้ว
สุดยอดที่สุดแล้วคือ NOKIA N810 (คนไทยไม่มีโอกาสได้แตะตัวนี้)
คุณภาพเสียงมหัศจรรย์มาก

f_Kong_Sony

เข้าเรื่องต่อดีกว่า พอสวมใส่แล้วก็จะดูหล่อล้ำนำสมัยอย่างเช่นนายแบบข้างบน คริคริ
ใส่แล้วขยับเขยื้อนคล่องตัวมาก สายไม่พันตัวอีลุงตุงนังเหมือนดักแด้
อย่างเช่นเครื่องเล่นที่มีสายทั่วไป
แม้บางครั้งบางโอกาส มั
นจะดูเว่อร์ชวนน่าหมั่นไส้ไปนิด
ขอเตือนก่อนว่า ไอ้เครื่องนี้มันไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน บางคนใส่แล้วดูดี
แต่บางคนใส่แล้วอัปลักษณ์หนักเข้าไปอีก คนที่ใส่แล้วเท่ห์ต้องเป็นคนหุ่นนักกีฬาหน่อยๆ
ส่วนจีรศักดิ์หุ่นไม่นักกีฬา แต่เป็นคนน่ารัก ก็เลยใส่แล้วถึงแม้ไม่เท่ห์โดดเด่น
แต่ก็ไม่ถึงกับใส่แล้วดูไม่ดี คริคริ (แอบหมั่นไส้ไหม) ดังนั้นก่อนจะซื้อมาใส่
กรุณาลองที่ร้านก่อนจะเป็นการดี อันนี้ซีเรียสนะ จะบอกให้… ไม่ได้โกหก
ลองคิดดูสิ มันเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเอาไปติดหนึบกับหน้า
ถ้ารูปร่างมันไม่เข้ากับหน้า มันก็ดูตลกจริงๆนะ…

สุดท้าย ขอขอบคุณ ประเทศเกาหลี
ผู้นำพาของราคาถูก สู่ชีวิตจีรศักดิ์เสมอมา…

 

งานประจำปีมหาลัยปีนี้ สุดยอดจิงๆ….

 

แสงสีเสียงของพลุอันสว่างไสว สามารถเห็นได้จากร้านกาแฟไฮโซใต้พอพักของจีรศักดิ์
เป็นสัญญาณบ่งบอกการมาถึงของงานประจำปีของมหาลัยอย่างเป็นทางการ
งานประจำปีของมหาลัยปีนี้สนุกเป็นพิเศษสำหรับจีรศักดิ์ 
ที่ว่าสนุกไม่ใช่ที่งานออกร้านขายของกิน แต่เป็นการแสดงบนเวทีต่างหาก

Z_Festival

งานประจำปีของมหาลัยที่เกาหลีมีข้อดีอย่างนึงคือ มักจะเชิญนักร้องดังๆมาแจม
รู้สึกว่านักเรียนเกาหลีนี่ได้คุ้มกับที่จ่ายไป ค่าเทอมเกือบแสนแต่ก็ได้อะไรกลับมาเยอะ
เหมือนกัน (ขอนอกเรื่องนิดนึง ที่เกาหลี ค่าเรียนเกือบแสน เงินเดือนอาจารย์เกือบสองแสน
แต่ที่เมืองไทย ค่าเรียนสองหมื่น เงินเดือนอาจารย์หมื่นเศษ ที่เหลือหายไปไหน…)
ปีนี้มหาลัยจีรศักดิ์ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการเชิญ K.Will นักร้องคนโปรด
ในดวงใจของจีรศักดิ์มาร้องเพลงให้ฟังสดๆไม่ลิปซิงค์ในระยะประชิดตัว
(จริงๆมีนักร้องมาหลายคน แต่จีรศักดิ์สนใจ K.Will คนเดียวเท่านั้น) 
คงพอเดาหันออกว่าทำไมจีรศักดิ์ชอบ K.Will  เพราะจีรศักดิ์ชอบเพลงเศร้าน่ะสิ
เพลงเศร้าของเกาหลี ไม่มีใครร้องใด้บาดอารมณ์ขมขื่นและทุ้มนุ่มลึกได้เท่า K.Will อีกแล้ว
ในบลอคตอนเก่าๆของจีรศักดิ์ก็มีเพลงของ K.Will  นะ
 

Kwill_IMG_8015e 
หน้าตาของ K.Will ไม่ได้หล่อเอ๊าะๆถูกใจวัยรุ่นเกาหลี เหมือนบอยแบนด์ทั่วไป
(ใครๆก็รู้จีรศักดิ์ไม่ชอบบอยแบนด์ เกิร์ลแบนด์ ไปไกลๆเลย)
แต่น้ำเสียงนั้นกินขาดบาดลึกมากๆ

z_K_will_concert

กรี๊ดดดดด มาแล้ว K.Will ตัวเป็นๆ จับได้ ต้องได้ มิใช่ภาพมายา
ร้องสดๆเลย เสียงดีเป็นธรรมชาติกว่าแผ่นไฟล์เสียงอีก เปิดตัวออกมาด้วยเพลง
ซึ่งกำลังฮิตอยู่ ณ เวลานี้ และร้องอีก 4 เพลงรวด ขอสารภาพว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคย
ไปดูคอนเสริตที่ไหนเลย ไม่ว่าจะของไทยหรือของนอก
เพราะปกติไม่ค่อยสนใจวงการบันเทิงเท่าไหร่เพิ่งมีครั้งนี้แหละ
แถมนักร้องยังมาร้องถึงที่ ไม่ต้องเดินทางไปไหนให้เมื่อยตุ้ม
ส่วนเพลงเปิดตัวพร้อมคำแปล เลื่อนไปดูข้างล่างได้เลย ใส่  Youtube ให้แล้ว
แต่เพลงนี้ไม่ใช่เพลงเศร้านะ ระยะหลัง K.Will พยายามออกตัวว่า
เค้าไม่ได้เป็นเจ้าพ่อเพลงเศร้าอย่างที่ใครๆว่ากัน

z_concert2   

นอกจากมีนักร้องรับเชิญแล้ว บนเวทียังมีการประกวดร้องเพลง และประกวดเต้น
แต่ละคนทั้งร้องทั้งเต้นได้มันส์หยาดหยดชนิดที่นักร้องนักเต้นจริงๆยังอาย
มีอยู่เพลงนึงที่เค้าเอามาร้องประกวด และเป็นเพลงที่กำลังฮิตด้วย ฟังรอบเดียวติดหูเลย
เพราะเป็นเพลงเศร้าที่มีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ทำนองก็มันส์จนต้องขยับเท้าตาม
อยากรู้ว่าเพลงนี้มีอะไรดี ลองฟังดูได้เลย. ใบ้ให้ว่าเป็นเสียงโหยหวนของนักร้อง
ยกให้เพลงนี้เป็นเพลงเศร้าดีเด่นประจำปีนี้เลยจ้า เพลงนี้ถ้าร้องคนเดียวจะร้องยาก
เพราะต้องใช้พลังค่อนข้ามากในการร้องน่ะ
แปะ ให้ไว้แล้วเหมือนกัน แต่จะแปลผิดหรือเปล่าไม่รู้ ฮ่าๆๆ เพลงนี้แปลยาก
รูมเมทเกาหลีมันยังแปลให้ชัดเจนไม่ได้เลย…

เพลงแรก ชื่อว่า 선물  ซอนมุล (ของขวัญชิ้นใหญ่ในชีวิตฉัน) ของ K-Will จ้า
ขอไม่แปลท่อนที่เป็นแรพฮิปฮอปนะ ถึงแปลไปก็ร้องตามกันไม่ทัน…

    


선물 ซอนมุล (ของขวัญชิ้นใหญ่ในชีวิตฉัน)

내 생애 가장 아름다운 순간은
เน แซงเง คาจาง อารึมดาอุน ซุนกันนึน

ช่วงเวลาที่งดงามในชีวิตของฉัน

널 만나 눈부시게 사랑했던 순간들
นอล มันนา นุนพูชิเก ซารางแฮดตอน ซุนกันดึล
คือวันคืนอันสว่างไสวหลังจากที่ได้พบเจอเธอและได้รักเธอ

이제 나 알아 너라는 사람 내 생애 가장 큰 선물
อีเจ นา อาลา   นอลานึน ซาราม    เน แซงเง คาจาง คึน ซอนมุล
ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่า เธอนี่แหละที่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน


하고 싶은 말이 있나 봐
ฮาโก ชิพพึน มัลลี อิดนา พวา
มันเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับเธอ

늦었지만 아직까지 하지 못한 말
นึดจอดจิมัน อาจิก กาจี ฮาจี มททัน มัล
ถึงแม้จะช้าไปสักหน่อย แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้บอกเธอเลย

내 생애 가장 아름다운 순간은
เน แซงเง คาจาง อารึมดาอุน ซุนกันนึน

ช่วงเวลาที่งดงามในชีวิตของฉัน

널 만나 눈부시게 사랑했던 순간들
นอล มันนา นุนพูชิเก ซารางแฮดตอน ซุนกันดึล
คือวันคืนอันสว่างไสวหลังจากที่ได้พบเจอเธอและได้รักเธอ

이제 나 알아 너라는 사람 내 생애 가장 큰 선물
อีเจ นา อาลา   นอลานึน ซาราม    เน แซงเง คาจาง คึน ซอนมุล
ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่า เธอนี่แหละที่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน


우리 둘이 얘기하고 우리 둘이 걸어가고
อูรี ทุลลี เยกี ฮาโก      อุรี ทุลลี คอลลอ คาโก
เราสอง พูดคุยกัน เราสอง เดินด้วยกัน

언제나 둘이라서 행복한 이 시간들
ออนเจนา ทุลลีลาซอ      แฮงบกคัน อี ชีกัน ดึล
เป็นช่วงเวลาที่แสนสุข เพราะมีเพียงเราสองตลอดเวลา

서로 다른 사람인데 우린 서로 많이 닮아
ซอโร ทาลึน ซาราม อินเด     อูรี ซอโร มานนี ทัมมา
แม้เราจะเป็นต่างคนต่างชีวิตกัน แต่เราก็มีอะไรๆเหมือนๆกัน

남매이냐는 이야기도 가끔 듣곤 했었지
นัมแม อีเนียนึน อียากีโด   คากึม ทึกโกน แฮด ซอด จี
จนหลายคนคิดว่าเราเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า

 

내 생애 가장 아름다운 순간은
เน แซงเง คาจาง อารึมดาอุน ซุนกันนึน

ช่วงเวลาที่งดงามในชีวิตของฉัน

널 만나 눈부시게 사랑했던 순간들
นอล มันนา นุนพูชิเก ซารางแฮดตอน ซุนกันดึล
คือวันคืนอันสว่างไสวหลังจากที่ได้พบเจอเธอและได้รักเธอ

이제 나 알아 너라는 사람 내 생애 가장 큰 선물
อีเจ นา อาลา   นอลานึน ซาราม    เน แซงเง คาจาง คึน ซอนมุล
ตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่า เธอนี่แหละที่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน

 

지금 잡은 네 손을 놓지 않을게 남자답게 약속 지킬게
จิกึม จับบึล เนซนนึล   โนจิอันนึลเก   นัมจา ดับเก ยักซก จิคิลเก
ฉันจะไม่ปล่อยมือของเธอให้หลุดไป จะสัญญาอย่างจริงใจให้สมชาย

누구 보다 사랑하니까
นูกูโพดา   ซาราง ฮานีกา
เพราะฉันรักเธอมากกว่าใครทั้งหมด

 

이세상 가장 아름다운 사람은
อี เซซาง คาจาง  อารึมดาอุน ซารามมึน
คนที่งดงามที่สุดในโลกนี้

너라고 수천 번을 말을 해도 부족해
นอราโก ซูชอน บอนนึล มัลลึล แฮโด พูจกแค 
ก็คือเธอไงล่ะ ต่อให้พูดอีกกี่ร้อยพันครั้งก็ดูเหมือนจะยังไม่พอ

얼마나 너를 사랑하는지 영원히 가르쳐 줄게
ออลมานา นอรึล  ซาราง ฮานึนจี   ยองวอนฮี คารึชอ จุลเก
ฉันจะแสดงให้เธอเห็นตลอดกาลว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน

널 향한 내 사랑은 영원하기 때문에
นอล เฮียงฮัน แน ซารางงึน  ยองวอนฮากี เตมุนเน
เพราะของรักฉันที่มีต่อเธอนั้นมันเป็นนิรันดร์…

 

เพลงถัดไป เพลงเศร้าที่ต้องขยับเท้าตามด้วยความมันส์ ของ Monday Kids
กำลังฮิตอยู่เลยตอนนี้… ชอบมากๆๆๆๆๆ ฟังมาหลายวันแล้วยังไม่เบื่อ
เพลงนี้ต้องใช้นักร้องถึงสามคนเชียวนะ…

흩어져 ฮึดทอจอ (ให้แหลกสลายหายไป)

한참을 보고있었죠
ฮันชัมมึล โพโก อิสซอสโจ
นิ่งมองอยู่ที่นี่มาได้นานสักพักแล้ว

그대가 떠난 자리에 내 가슴이 남아
คือเดกา ตอนัน จาลีเอ   เน คาซึมมี นัมมา
ที่นี่ ที่เธอจากฉันไป ด้วยสิ่งที่ยังค้างคาด้วยในหัวใจ

굳은 입술로 그댈 불러
กุดึน อิบซุลโล คือเดล พุลลอ
ด้วยริมฝีปาก ที่ยากจะขยับเขยื้อน แต่ยังเรียกร้องหาเธอ 

울었죠 걱정이 된다 
อุล ลอจโจ  คอกจองงี เทวนดา
ทั้งร้องไห้ ทั้งห่วงโหยหา

보고 싶단 말도 못하고
โพโก ชิพตา มัลโด มททาโก
อยากจะเอื้อนเอ่ยว่าอยากเจอก็ทำไม่ได้

나를 버린 그대가 또 미워요
นารึล พอลีน คือเดกา โต มีวอโย
ยิ่งเกลียดเธอผู้ซึ่งทิ้งฉันไป ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่

이렇게 울다가 비가 오면     멍든 가슴이 멈출까
อีรอเค อุลตางา   พีกา โอเมียน   มองดึน คาซึมมี มอมชุลกา
ร้องคร่ำครวญอยู่อย่างนี้ แล้วถ้าฝนตกลงมา หัวใจที่เจ็บช้ำจะถึงกับหยุดเต้นหรือเปล่า


떠난 가라는 말이  먼지가 되어    흩어졌으면 좋겠어
ตอนาน คาลานึน มัลลี   มอนจีกา เทว ออ    ฮึททอ จอสสึเมียน โจเกสซอ
ฉันหวังให้คำว่าจากลาไป จะสลายกลายเป็นฝุ่น

다시는 붙지 못하기에
ทาชีนึน พุทจี มททาเก
ให้กลับมาก่อร่างสร้างใหม่อีกไม่ได้

흩어져 흩어져요
ฮึททอจอ ฮึททอจอโย
ให้หายสลายไปเลย

사랑이 떠나간 후에
ซารางงี ตอนาคาน ฮูเอ
แม้หลังจากรักจากฉันไป

빗물처럼 니가 번져와
พิทมุล ชอรอม นีกา พอนจอวา
เธอก็ยังแทรกซึมเข้ามาในใจฉัน ราวกับน้ำฝน

가지말아요 가지말아요 제발
คาจีมัลลาโย  คาจีมัลลาโย แจบัล
อย่าไปเลย อย่าจากฉันไปเลย ขอร้องล่ะ

뚜루루루루 뚜루루루루
ตูลูลูลูลู ตูลูลูลูลู

 

멍하니 보고있었죠 남겨진 사진 한장에
มองดูภาพถ่ายที่เหลือไว้ อยู่ใบเดียว อย่างเลื่อนเลย
มองฮานี โพโก อิสซอสโจ  นัมเกียวจิน ซาจิน ฮันจังเง

내 가슴이 울어
เน คาซึมมี อุลลอ
หัวอกฉันคร่ำครวญ

가지말라고 애원해도
คาจีมัลลาโก แอวอนแฮโด
แต่ถึงแม้ฉันจะร้องอ้อนวอน

아파요 우리사랑은 말라버린 선인장처럼
อาพาโย อูลี ซารางงึน  มัลลาพอลีน ซอนอินจัง ชอ ลอม

เจ็บจริงๆ ความรักเราเหมือนต้นกระบองเพชรที่แห้งตาย

가시만 남은채로 또 굳어가
คาชีมัน นัมมึน เชโร  โต กุดดอโย
แห้งแข็งจนเหลือเพียงแต่หนาม

이렇게 울다가 비가 오면 답답한 가슴만
อีรอเค อุลทากา  พีงา โอเมียน ตับตับฮัน คาซึมมัน
ร้องคร่ำครวญอยู่อย่างนี้ แล้วถ้าฝนตกลงมา หัวใจก็ยิ่งจะบีบรัด


떠난 가라는 말이  먼지가 되어    흩어졌으면 좋겠어
ตอนาน คาลานึน มัลลี   มอนจีกา เทว ออ    ฮึททอ จอสสึเมียน โจเกสซอ
ฉันหวังให้คำว่าจากลาไป จะสลายกลายเป็นฝุ่น

다시는 붙지 못하기에
ทาชีนึน พุทจี มททาเก
ให้กลับมาก่อร่างสร้างใหม่อีกไม่ได้

흩어져 흩어져요
ฮึททอจอ ฮึททอจอโย
ให้หายสลายไปเลย

사랑이 떠나간 후에
ซารางงี ตอนาคาน ฮูเอ
แม้หลังจากรักจากฉันไป

빗물처럼 니가 번져와
พิทมุล ชอรอม นีกา พอนจอวา
เธอก็ยังแทรกซึมเข้ามาในใจฉัน ราวกับน้ำฝน

가지말아요 가지말아요 제발
คาจีมัลลาโย  คาจีมัลลาโย แจบัล
อย่าไปเลย อย่าจากฉันไปเลย ขอร้องล่ะ

뚜루루루루 뚜루루루루
ตูลูลูลูลู ตูลูลูลูลู

 

손을 뻗어 닿을래요       
ซนนึล ปอดดอ  ทาอึล เลโย
อยากจะเอื้อมมือไปให้ถึงเธอ

다시 나타나준다면
ทาชี นาทานา จุนทาเมียน
ถ้าหากเธอจะปรากฎกายต่อฉันอีกครั้ง

널 따스히 안을텐데  
นอล ตาซือฮี อันนึล เทนเด
คงจะได้กอดเธอให้แนบแน่น

간절히 바래보면 다시 올까
คันจอลลี พาเลโพเมียน  ทาชี โอลกา
ถ้าฉันร้องขออย่างสุดหัวใจ เธอจะกลับมาหาฉันอีกไหม

돌아오라는 말이 들리질 않아
ทลลา โอลานึน มัลลี   ทึลลีจีล อันนา
เธอคงไม่ได้ยินเสียงที่ฉันร้องเรียกให้เธอกลับมา

벽이 쌓여져 버렸어
เพียกเก ซายอ จอ พอเลียสซอ
เพราะเสียงนั้นถูกกำแพงกั้นไปหมด

아무도 보이지 않기에
อามูโด โพอีจี อันคีเอ
เพราะว่าฉันไม่เห็นใครอีกแล้ว

한번만 나를 봐요
ฮันยอนมัน นารือ พวาโย
ได้โปรดมองฉันอีกสักครั้งเถอะ

그대가 떠나서 울고
คือเดงา ตอนาซอ อุลโก
ตั้งแต่เธอจากไป ฉันก็ได้แต่ร้องให้คร่ำครวญ

울다 지친 나의 가슴이  
อุลตา จิชิน นาเอ คาซืมมี
อยู่ในหัวอกที่บอบช้ำของฉัน

돌아오라고 돌아오라고 제발
โทลลา โอลาโก  โทลลา โอลลาโก  เจบัล
กลับมาเถิด ขอร้องล่ะ

뚜루루루루 뚜루루루루
ทูลูลูลูลู ทูลูลูลูลูลู

떠난 가라는 말이  먼지가 되어    흩어졌으면 좋겠어
ตอนาน คาลานึน มัลลี   มอนจีกา เทว ออ    ฮึททอ จอสสึเมียน โจเกสซอ
ฉันหวังให้คำว่าจากลาไป จะสลายกลายเป็นฝุ่น

다시는 붙지 못하기에
ทาชีนึน พุทจี มททาเก
ให้กลับมาก่อร่างสร้างใหม่อีกไม่ได้

흩어져 흩어져요
ฮึททอจอ ฮึททอจอโย
ให้หายสลายไปเลย

사랑이 떠나간 후에
ซารางงี ตอนาคาน ฮูเอ
แม้หลังจากรักจากฉันไป

빗물처럼 니가 번져와
พิทมุล ชอรอม นีกา พอนจอวา
เธอก็ยังแทรกซึมเข้ามาในใจฉัน ราวกับน้ำฝน

가지말아요 가지말아요 제발
คาจีมัลลาโย  คาจีมัลลาโย แจบัล
อย่าไปเลย อย่าจากฉันไปเลย ขอร้องล่ะ

뚜루루루루 뚜루루루루
ตูลูลูลูลู ตูลูลูลูลู

 

เรื่อง Failๆๆ เมื่อฉันไปโซล… (โซลยามฤดูร้อนภาคจบ)

มาโซลคราวนี้ก็หลายวันอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ๆมานำเสนอมากมายเท่าไหร่
เพราะตั้งใจแล้วว่าคราวนี้จะไม่มาโซลแบบชะโงกทัวร์แบบรีบๆฝ่าด่านไปเก็บเห็ด
เพราะสถานที่ที่น่าไปหลักๆในโซลก็ไปมาหมดแล้ว เหลือแต่อะไรยิบๆย่อยๆ

z_Dog_Insadong_DSC03520

ดังนั้นมาโซลคราวนี้ก็คือไปที่เดิมๆละเลียดชมบรรยากาศของสถานที่ที่ไปมาแล้วเป็นส่วนใหญ่ 
และนัดเจอเที่ยวกินข้าวกับเพื่อนๆมากกว่า โซลสำหรับจีรศักดิ์ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวอีกต่อไป
แต่มันคือเมืองธรรมดาเมืองหนึ่ง ที่เป็นทางผ่านสำหรับการดำรงชีวิตต่างหาก

z2010-06-06_030619

คราวนี้ได้ไปค้างคืนที่จิมจัลบังที่ใหม่ หลังจากสำรวจจากเวปเกาหลีแล้วพบว่า
ที่นี่พึ่งสร้างใหม่สดซิงๆ คนไม่เยอะ มีถ้ำเป็นโพรงๆให้นอนคนเดียว
ไม่ต้องไปนอนปะปนกับเหล่าอาจุมม่าราวกับผู้อพยพ มีอินเตอร์เนต WiFi ฟรีด้วย
ที่สำคัญที่สุดสำหรับจีรศักดิ์คือที่นี่มีบ่ออาบน้ำร้อนกลางแจ้งด้วย คริคริ
ในรูปที่ขโมยมาจากเวปจะเห็นว่าม่านปิดอยู่ แต่จริงๆแล้วม่านจะเปิดตลอดเวลา
จึงสามารถเล่นจ๊ะเอ๋กับคนที่อยู่ตึกอื่นหรืออยู่ที่ลานจอดรถที่อยู่ถัดลงไปได้
บ่ออาบน้ำอยู่บนชั้นห้า แช่น้ำไปดูตึกรายรอบไป อูยส์ ให้ความรู้สึกปลดปล่อย
โล่งใจโล่งกายดีมากๆเลย (เอ หรือเราเป็นพวก Exibitionist นะนี่)
จิมจิลบังแห่งนี้อยู่ที่ไหนไม่บอก เก็บไว้เป็นความลับ คริคริ

z_Itaewon_DSC03444 
 
มีสองสิ่งที่จีรศักดิ์ทำครั้งแรกที่โซลแล้วผิดหวังอย่างรุนแรง อย่างแรกก็คือ
ไปเดินเล่นย่านอีแตวอน(Itaewon)ซึ่งเป็นย่านที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะ
จริงๆเห็นจากแผนที่ก็ไม่ได้คิดจะไปหรอก
แต่อะไรก็ไม่รู้พาจีรศักดิ์มาที่นี่จนได้ พอได้มาเดินแล้ว อยากจะร้องครวญคราง
ออกมาเป็นภาษาเกาหลีสำเนียงปาปัวนิวกินี ย่านอีแตวอนที่โด่งดังนักหนามันไม่มีอะไรเลย
นอกจากผับบาร์ ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะมากินอะไรที่นี่เป็นพิเศษ (หรือมาทำกิจกรรมพิเศษ)
ก็ขอประชาสัมพันธ์เลยว่าอย่ามาเป็นอันขาด เพื่อนคนไทยที่มาเดินด้วยกันยังบอกว่า”นานา”ของเราดีกว่าหลายขุม

z_Etaewon_Thai_DSC03459

ดีอย่างเดียวคือที่นี่มีร้านอาหารไทยบรรยากาศดี แต่ราคาแพงใช้ได้ทีเดียว
กินกันสามคน สั่งกับข้าว3-4อย่าง กับเบียร์อีก2ขวด
ตกเป็นเงิน 2,000 บาท นิดๆ… กรี๊ดดดด แพ๊งงง มากกกกกๆๆๆๆๆ
ไม่เป็นไร จีรศักดิ์ไม่ได้จ่าย อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี
เป็นคนจ่ายทั้งหมด คริคริ
อาหารไทยที่นี่รสชาติเผ็ดไม่เกรงใจกันเลย
ขนาดจีรศักดิ์เป็นคนกินเผ็ดกินยังแทบเต้น
(รูปข้างบนอ้วนอ่ะ ไม่ยากลงเลยรูปนี้ หึหึ)

z_Seoul_DSC03542

อีกโปรแกรมที่น่าผิดหวังคือ ล่องเรือเที่ยวแม่น้ำฮั่น ซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่
ไหลผ่านใจกลางกรุงโซล ถ้าอยากจะมาล่องเรือกินลมแบบขำๆ มันก็คงจะโอเค
แต่สำหรับคนที่คาดหวังจะได้เห็นโน่นเห็นนี่น่าตื่นเต้น
ก็จะต้องรู้สึกเสียดายตังค์อย่างสุดแสนสาหัส
ระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง กับเงินเกือบ500บาท รู้สึกว่ามันจะ… ฮือๆๆๆๆๆๆ

z_river_DSC03561

เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำมันไม่มีอะไร นอกจากตึกอพาร์ตเมนต์น่ะสิ
สถานที่สำคัญๆก็เห็นไกลลิบๆ อาจจะเป็นเพราะแม่น้ำฮั่นเป็นแม่น้ำสายใหญ่มากๆ
ทำให้ไม่เห็นวิวสองข้างทางอะไรมากมาย พอเรือจอดอยากจะล้มลงไปทุบตลิ่ง
แล้วคร่ำครวญออกมาว่า “ฮือๆๆ เอาตังค์กรูคืนมาๆๆๆ” ที่เห็นในรูปน่ะ
คืออะไรที่สวยที่สุดแล้วที่สามารถถ่ายได้ จีรศักดิ์สามารถสรุปกับตัวเองได้แล้ว
ว่ากรุงโซลไม่ได้มีการวางแผนผังเมืองมาตั้งแต่ต้น แต่เป็นการเติบโตอย่างสะเปะสะปะ
พอได้ชมวิวโซลจากหอคอยโซลทาวเวอร์และได้ล่องเรือเลียบแม่น้ำก็จะเข้าใจได้เลย
ดังนั้น รัฐบาลโซลน่าจะได้การบ้านข้อใหญ่ว่าจะทำอย่างไรริมฝั่งแม่น้ำฮั่นจึงจะกลายเป็น
แลนด์มาร์คงามๆติดอันดับโลกได้ อย่างที่คนเกาหลีชอบทำโน่นทำนี่ให้ติดอันดับโลก
หลายอย่างมาแล้ว

Opera3

แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามาจนถึงบัดนี้รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย จีรศักดิ์นึกถึงโครงการหนึ่ง
นั่นก็คือโครงการสร้าง Opera House กลางแม่น้ำฮั่น เคยเห็นในนิตยสารสถาปัตย์
ของเกาหลีแล้วจีรศักดิ์ว่ามันงามหยดย้อยมากๆเลย
ตอนนี้รัฐบาลมีโครงการใหญ่ในโซลเยอะมาก
แต่ละโครงการเห็นแล้วแทบตาค้าง แต่มันก็ต้องใช้เวลาหน่อย
แนะนำว่าถ้าจะมาเที่ยวโซล รอไปอีกสัก10ปีแล้วค่อยมาน่าจะเป็นการดี…
มาเที่ยวกรุงโซลคราวนี้ ทำให้รักเมืองปูซาน เมืองที่จีรศักดิ์อยู่ปัจจุบันขึ้นเยอะเลย
เอาง่ายๆนะ จะมีชายหาดที่ไหนในโลกไหม ที่มีสะพานสวยๆพาดข้ามอยู่ตรงหน้าแบบนี้…
มาที่ปูซานสิ จะพาไปเที่ยว อิ อิ

z_GwangDSC03757 

ไปๆมาๆ บลอคของจีรศักดิ์กลายเป็นบลอคแอนตี้ท่องเที่ยวโซลไปตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนี่
เอ หรือเราเป็นคนขี้บ่นเกินไปหว่า….

 

เที่ยวโซลยามหน้าร้อน…


มาเหยียบกรุงโซลแล้วก็หลายครั้ง มาทีไรก็เห็นโซลทาวเวอร์สูงตระหง่านจังก้า
ท้าสายตายั่วยวนให้ขึ้นไป และเนื่องด้วยมันตั้งอยู่บนภูเขาใจกลางเมือง
ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของกรุงโซลก็ยังเห็นมันได้ แต่แม้กระนั้นก็ไม่เคยคิดจะขึ้นไป
เพราะกรุงโซลเป็นเมืองหลวงที่แสนจะธรรมดาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นแลนด์มาร์คที่น่าสนใจ
ถึงขึ้นไปก็ไม่รู้จะมองลงมาดูอะไร… มีแต่ตึกๆๆๆเหมือนๆกัน และก็มีแม่น้ำหน่อยนึง.. 

z_Seoul

แต่มาโซลคราวนี้โดนเพื่อนลากขึ้นไปจนได้ ตอนขึ้นไปรู้สึกเฉยๆ
แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะกลับลงมาด้วยความรู้สึกที่ดี เพราะจะว่าไปแล้วข้างบนมันก็มีอะไรให้ดูให้ทำ
เยอะเหมือนกัน เกาหลีมันเก่งเรื่องการทำให้มี”อะไร”จากความ”ไม่มีอะไร” และเก่งการตลาด
เหมือนกับประเทสิงคโปร์ไม่มีผิด 

z_cable_DSC03702

เดินออกจากสถานีเมียงดง แหล่งชอปปิ้งที่หลับตาเดินแล้วนึกว่าอยู่กรุงเทพฯ
เพราะคนไทยมาเที่ยวเยอะจริงๆ จีรศักดิ์กับเพื่อนเดินจ้ำอ้าวขึ้นเนิน
กว่าจะถึงตัวสถานีเคเบิลคาร์ก็แทบทำเอาลิ้นห้อย หลังจากนี้จะเป็นรายการโดนฟัน
ตั้งแต่ค่าขึ้นกระเช้า ค่าขึ้นหอคอย ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์หมีTeddy Bear
งานนี้คุ้มหรือไม่คุ้มก็รู้สึกงงๆตัวเองอยู่เมือนกัน แต่ยังไงก็คิดว่าคงมีน้อยคน
ที่จะกลับมาให้ถูกฟันหัวแบะครั้งที่สองถ้าไม่จำเป็น…

z_DSC03577

ปรู๊ด… ขึ้นไปแล้ว กระเช้าขึ้นไวแฮะ รีบร้อนใจเร็วด่วนได้เหมือนคนเกาหลีเลย ฮ่าๆๆ
กระเช้าคันใหญ่แฮะ น่าจะใหญ่ที่สุดตั้งแต่นั่งกระเช้ามา เห็นทางเดินเล่นขึ้นเขาด้วย
วันหลังมาออกกำลังกายเดินขึ้นเขานี่ก็ท่าจะดีแฮะ

z_Seoul_DSC03586

ลงจากกระเช้า ก็ต้องไปต่อลิฟต์ขึ้นหอคอย จะว่าไปตรงนี้มันก็สูงเห็นวิวรอบแล้วนะ
ไม่ต้องขึ้นหอคอยก็ไม่ถึงกับต้องชักดิ้นตาย แต่มาเป็นครั้งแรกก็ต้องลองขึ้นไปหน่อย

z_SeoulTower_DSC03634

ในหอคอยก็เหมือนกับหอคอยอื่นๆทั่วโลก จีรศักดิ์ก็เลยไม่ถ่ายมาให้ดู
แต่ที่ไม่เหมือนที่อื่นๆก็คือ แอ่น แอ๊น ดูรูปข้างบนคงจะเข้าใจ
ห้องน้ำบนโซลทาวเวอร์ให้ความรู้สึกเปิดเผยปลดปล่อยดีมากๆ
อย่างที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 開放感 ท่านชายทั่วไปอย่างน้อยคงมีครั้งหนึ่งในชีวิต
ที่อยากฉี่รดใส่ต้นไม้.. แต่ถ้าฉี่รดกรุงโซลล่ะ…. หึหึ แค่คิดก็มันส์แล้วใช่ไหมล่ะ…..
จริงๆจะให้ดี ต้องเอาไอ้กำแพงหน้าโถฉี่ออกไปด้วยจะให้ความรู้สึก ecstasy มากกว่านี้

z_DSC03692

ร้านอาหารข้างบนนี้ราคาไม่แพงอย่างที่คิดแฮะ ราคาเฉลี่ยคือ7000วอน หรือ200บาท
ถ้าเทียบกับวิวก็ได้มันก็คุ้มอยู่ และแล้วจีรศักดิ์ก็ช่วงชิงที่นั่งติดกระจกมาได้ คริคริ

z_DSC03693

จีรศักดิ์เลือกหมี่ทะเล แซ่บได้ใจชาวไทย อากาศยิ่งร้อนอยู่แล้ว เจอของแซ่บแบบนี้
เหงื่อไหลพรากๆ ปูก็นิ้มนิ่ม กัดกระดองให้แตกแล้วดูดเนื้อข้างในกินได้เลย โฮก…

z_Besr_Meuseum_DSC03651

ข้างบนมีของที่ระลึกหลายร้าน ดูเพลินเลย เสียดายไม่มีเวลาละเลียดดูทุกร้าน
ไฮไลท์ที่สำคัญคือพิพิธภัณฑ์หมีเทดดี้แบร์ (Teddy Bear Museum)
ส่วนที่ชอบคือเค้าจับเอาบรรดาหมีมาโยงเข้ากับประวัติศาสตร์เกาหลีได้อย่างน่าสนใจ

z_Bear_DSC03653

ส่วนนี้เป็นการจำลองดนตรีราชสำนักของเกาหลี เหล่าตุ๊กตาหมีขยับเคลื่อนไหว
พร้อมกับบรรเลงดนตรีราชสำนัก ชอบมากเลย น่ารักน่าชังจริงๆ

z_Bear_DSC03681

มีส่วนที่ให้ถ่ายคู่กับหมีด้วย โดยเป็นการถ่ายแบบใช้ภาพซ้อน เราจะไปยืนบนที่ๆเค้าเตรียมไว้
ข้างหลังเป็นแบคกราวน์สีฟ้า แล้วมันจะไปซ้อนกับภาพในวีดีโอโดยอัตโนมัติ
ภาพจะออกมาเหมือนกับว่าเราอยู่กับหมีจริงๆ ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ สนุกดีอ่ะ

ชีวิตจีรศักดิ์ในกรุงโซลยามหน้าร้อน จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ตอนหน้าจ้า…

ลองนั่งรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ของเกาหลี KTX 2 กรี๊ดดด…

นับเป็นบุญของก้นจีรศักดิ์อีกครั้ง ที่คราวนี้ได้โดยสารไปกับรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ล่าสุด
ของเกาหลีนามว่า KTX2 (ซัมชน) ที่วิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จริงๆเกาหลีมีรถไฟความเร็วสูงมานานแล้ว นามว่า KTX แต่ตัวรถไฟเป็น TGV ของฝรั่งเศส
เกาหลีไม่ได้ทำเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ เกาหลีเริ่มทำรถไฟความเร็วสูงเองได้ ด้วยฝีมือของ
บริษัทฮุนได และเริ่มวิ่งจริงเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง และในโอกาสที่จีรศักดิ์ไปพักผ่อน
คลายเครียดที่โซล จึงถือโอกาสนั่งรถไฟ KTX2 เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล…

z_KTX2_2

หน้าตารถไฟเกาหลีทำเองดูโค้งมน น่ารัก สไตล์เกาหลี ผิดจากรุ่นเก่าของฝรั่งเศส
ที่ออกจะเหลี่ยมๆ ทื่อๆ ดูไม่เป็นมิตร… KTX2 มีชื่อเล่นว่าซัมชน ซึ่งเป็นชื่อปลาแซลมอน
พันธุ์หนึ่งของเกาหลี น่าจะมาจากสาเหตุที่ว่าหน้าตารถไฟจะคล้ายๆปลานั่นเอง…

z_KTX2_DSC03362

คนหล่อของถ่ายกับรถไฟหน่อยนะ อิอิ รถไฟออกจากสถานีเมืองปูซาน
ถึงโซลใช้เวลาเพียง2ชั่วโมง และจอดแค่สถานีเดียว ตัวรถไฟใหม่มาก
เพราะเพิ่งออกวิ่งได้ไม่กี่เดือน KTX2 มีไม่กี่เที่ยวเท่านั้น เวลาจะจองต้องเลือกเวลาดีดี
ไม่งั๊นจะได้นั่งรุ่นเก่า ราคาก็แพงกว่ารถรุ่นเก่าไม่เท่าไหร่ แค่อะไรๆผิดกันเยอะ…
ของฝรั่งเศสน่ะเหรอ กลับบ้านมันไป ไม่ต้องง้อแล้ว ชิ้วๆ…

z_KTX2_DSC03364 

มาสำรวจในตัวรถไฟกันดีกว่า ที่นั่งกว้างขวาง ปรับเอนได้เยอะ
ทุกอย่างใหม่เงางาม ระยิบระยับจับจิต แต่ตัวรถไฟไม่ได้ใหญ่มากอย่างที่คิดไว้
ถ้าเทียบกับชันคันเซนของญี่ปุ่น ของพี่ยุ่นจะใหญ่กว่า ดังนั้นจึงต้องเทียบกับมินิชินกันเซน
ที่วิ่งไปทางเหนือของญี่ปุ่นจึงจะสมน้ำสมเนื้อ

z_KTX2_mms_05_010108030899901

รถไฟออกแล้ว กรี๊ดดด… ขอภาพคนหล่อกับรถไฟอีกรอบน่า..
รถไฟรุ่นใหม่วิ่งเงียบมากอย่างเหลือเชื่อ ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงลม ได้ยินแค่เสียงล้อกระทบรางเบาๆเท่านั้น
ขอบอกว่าจีรศักดิ์ตื่นเต้นกับรถไฟได้ไม่นานก็หลับเป็นตายไปถึงโซล
เพราะนอกจากเงียบแล้ว ตัวรถไฟไม่โยกไม่สั่นเลย
เห็นคนเอาคอมออกมาใช้งานหลายคน โฮๆ นึกแล้วอนาถใจเมืองไทยมากเลย

z_KTX2_DSC03392

ก่อนจะหลับ เอาไปสำรวจส่วนอื่นของตัวรถกัน นี่เป็นมินิบาร์ขายเครื่องดื่มของกินสารพัด
ราคาไม่ได้แพงกว่าข้างนอกไปสักเท่าไหร่ มีมุมยืนกินตรงนั้นได้เลยไม่ต้องกลัวหก
เพราะรถไฟวิ่งเรียบลื่นมาก กินอะไรก็ใช้บัตรเครดิตจ่ายได้เลย ซื้อขนมเล็กๆน้อยๆ
ก็ใช้บัตรได้ แถมพนักงานชอบบัตรเครดิตมากกว่าแบค์ใหญ่ๆอีก

z_KTX2_first_DSC03393

ตู้นี้เป็นที่นั่งชั้นหนึ่ง สไตล์จะออกขรึมๆดูผู้ใหญ่หน่อย ที่นั่งกว้างใหญ่สะใจ
มีหนังสือพิมพ์ให้อ่านฟรีด้วย จริงๆทุกตู้ไม่ว่าชั้นไหนจะมีทีวีเล็กๆอยู่หลายเครื่อง
ดูทีวีอ่านหนังสือพิมพ์เพลินๆก็ถึงแล้ว

z_KTX2_DSC03389  

ส่วนทางเข้าออกจะเป็นแบบนี้ ใครน่ะยืนหล่ออยู่ที่หน้าประตู จริงๆใส่เสื้อผิดฤดูมากๆ
ช่วงนี้โซลอากาศร้อนขนาดใส่เสื้อแขนสั้นได้แล้ว ก่อนมาเพื่อนเตือนว่าโซลตอนนี้อากาศร้อน
กว่าปูซาน ให้เตรียมเสื้อแขนสั้นมาก็พอ แต่ปูซานนี่เช้าๆอากาศยังเย็นมากอยู่เลย 

z_KTX2_DSC03381

วิวสองข้างทางไปโซล ม่านบังตาเลื่อนขึ้นลงได้ง่ายๆ พอเลื่อนม่านบังตาลง
รูม่านตาก็เริ่มปิดตามไปด้วย…

z_KTX_DSC03409

ถึงแร๊วๆๆๆ โซลที่รัก ตอนรถไฟจะเข้าสถานีแอบเห็นรถไฟความเร็วสูงรุ่นเก่า
เทียบกับขบวนที่จีรศักดิ์นั่งมา ดูโบราณไปเลยเนาะ อิ อิ  ลาก่อน น้องโบTGV
ฉันจะไม่กลับไปแกอีกแล้ว ชั้นเจอของใหม่ สาวสวยสะอาดทันสมัยสไตล์เกาหลีไม่เอะอะ
ถ้าจะให้จีรศักดิ์มองเกาหลีในแง่ร้ายแล้วละก็ จีรศักดิ์ขอเดาว่าเกาหลีแอบแกะชิ้นส่วน
ของTGVที่ตัวเองแอบซื้อมาวิ่งซะหลายปีดีดัก มาวิจัยสำรวจ แล้วหาทางพัฒนาให้ได้ดีกว่า..
ถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ก็นับว่าเป็นความพยายามที่สัมฤทธิ์ผลนะ ฮ่าๆๆๆ
ฝรั่งเศสเอ๋ย แกเสียท่าให้เกาหลีแล้วหละ…

z_KTX2_DSC03412 
 
อันยอง! สถานีโซลอันใหญ่โต ลาก่อน KTX2 ทำฉันเสียตังค์ไปพันนึง (นี่ใช้บัตรลดแล้วนะ)
หวังว่าคราวหน้าหากมีวาสนาคงจะได้นั่งแกอีก เอาล่ะ การผจญภัยในกรุงโซล
นครหลวงที่อันตรายขึ้นทุกวันเพราะไม่รู้ว่าจะโดนเกาหลีเหนือบุกถล่มเมื่อไหร่
เพราะอยู่ห่างจากพรมแดนเกาหลีเหนือไม่กี่สิบกิโลเท่านั้น แต่จีรศักดิ์จะยังจะมานะจ๊ะ
เพราะมีนัดกับคนสำคัญหลายคน เป็นใครบ้างน่ะเหรอ ฮ่าๆๆ โปรคติดตามตอนต่อไป…

 

ขายของไม่ได้ ก็อย่าไปโทษโลตัส… โทษตัวเองก่อน…

ช่วงก่อนขอติดรถชาวบ้านไปเมืองแทกู (Daegu) เมืองเพื่อนบ้านปูซาน
ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเกาหลี (ถ้าไม่นับอินชอนนะ)
อยู่ทางเหนือของปูซานไปประมาณ 100 กิโลเมตร ตั้งใจว่าจะไปนานแล้ว
เพราะนั่งรถไฟไปได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที
(เดือนเมษาเกาหลีปีนี้หนาวมากจ้า เป็นเมษาที่หนาวที่อากาศเย็นที่สุดในรอบร้อยปี
หนังสือพิมพ์เค้าว่าไว้อย่างงั้๊น)

x_Daegu_Photo_100415-0018

พอไปจริงๆจึงได้รู้ว่า ถึงแม้เมืองแทกูจะมีรถไฟใต้ดิน (สายไม่ยาวเท่าไหร่)
แต่แหล่งท่องเที่ยวส่วนมากของเมืองนี้ต้องไปด้วยพาหนะส่วนตัวเท่านั้น
จีรศักดิ์มีเวลาไม่มาก ก็เลยไปเฉพาะแหล่งชอปปิ้งกลางเมืองแทกู
ตามประสาคนบ้าชอปปิ้ง เอาเข้าจริงชอบแหล่งชอปปิ้งกลางเมืองแทูมากๆเลย
เพราะอะไรน่ะหรือ ลองมาดูกัน

x_Daegu_SNC00187

กลางเมืองแทกู(แถวหน้าสถานีรถไฟนั่นแหละ)มีการปรับภูมิทัศน์แต่งหน้าตาใหม่
ร้านค้าทั้งหมดพร้อมใจกันแปลงร่างจากสาวแก่หงำเหงือกเป็นสาววัยขบเผาะ
คำว่าหน้าตาของตัวร้าน ภาษาฝรั่งเศสจะเรียกว่า façade (ฟาสาด) 
น่าจะไม่มีในภาษาไทย จะเรียกว่า "หน้าร้าน" หรือ "ด้านหน้าของอาคาร"
มันก็ฟังดูทะแม่งๆ ความหมายขาดๆเกินๆ เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไหนมีคำที่เกี่ยวกับ
ทัศนศิลป์มาก ประเทศนั้นก็ยิ่งพัฒนาและร่ำรวยทางด้านวัฒนธรรมการตกแต่งมาก
(จริงๆที่จีรศักดิ์รู้จักคำว่า façade เพราะภาษาญี่ปุ่นยืมคำนี้มาใช้หรอก แหะๆ)
ที่เกาหลีมีตัวอย่างของโซนสวยๆกลางเมืองมากมายที่ถูกปรับแต่งใหม่ให้น่าเดินน่าเที่ยว
ลองสังเกตดูว่าที่เกาหลีบ้านเรือนร้านค้ามันจะงามมหัศจรรย์
น่าเดินเที่ยวเป็นโซนๆเท่านั้น
หลุดออกไปจากนั้นก็แทบจะไม่ต่างจากเมืองจีน คริ คริ

Z2_magcm

อยากให้ลองสังเกตกันดูว่าอะไรที่ทำให้ร้านค้าดูสวยต่างจากเมืองไทย
มันไม่ใช่การตกแต่งอย่างเดียวหรอก หลักใหญ่ๆคือ "กันสาด"
ถ้าร้านไหนทำกันสาดยื่นออกมามากๆอย่างที่เมืองไทยชอบทำ ร้านนั้นแต่งยังไงก็ไม่สวย
แต่ที่เกาหลีย่านสวยๆไม่เคยมีกันสาดให้เห็น ป้ายก็ไม่ได้ยื่นเกะกะน่าเกลียด

x_Daegu_SNC00181

รองลงมาคือฟุตบาทที่เรียบเสมอกัน คนญี่ปุ่นเคยบอกจีรศักดิ์ว่าเมืองไทย
เดินซื้อของแล้วเหนื่อย จีรศักดิ์ถามว่าเพราะอากาศร้อนเหรอ เค้าบอกว่า ม่ายช่าย
มันเป็นเพราะฟุตบาทหน้าร้านสูงต่ำไม่เท่ากันทำให้เดินลำบาก อืม.. คนไทยเราก็ชินกับอะไร
ที่เราเห็นและเป็นมาตั้งแต่เด็ก จีรศักดิ์ถ้าไม่โดนคนญี่ปุ่นสะกิดก็คงนึกไม่ออก…
รองลงไปจากนั้นคือเสาไฟและสายไฟฟ้าที่ระโยงระยาง
ที่จะไม่เจอในแหล่งชอปปิ้งของเกาหลีเด็ดขาด
ประเทศนี้ถึงแม้จะมีอินเตอร์เนตเร็วและเข้าถึงที่สุดในโลก แต่สายอะไรก็แทบไม่เห็นเลย
ของไทยเรา พอคิดได้ว่าจะเอาลงดินก็เจาะฟุตบาทเยินอีก…

z_Daegu_DSC03246

ท้ายสุดคือถังขยะ ประเทศเกาหลีหาถังขยะยากกว่าทอง
(ใครไปเกาหลีคงรู้ว่าของหายากที่สุดคือถังขยะ ของหาง่ายที่สุดคือกระจกส่องตัว)
อันนี้จีรศักดิ์คิดว่ามันเป็นข้อเสียมากกว่า แทนที่จะสะอาด
แต่ในบางเวลามันก็กลับสกปรกได้เพราะคนเกาหลีมักง่ายยังพบเห็นได้ทั่วไป
จีรศักดิ์เองก็เป็น พอหาที่ทิ้งไม่ได้ ก็ค่อยๆบรรจงวางตรงนั้นให้งามอย่างไทย
และทำท่าแอ๊บแบ๊วแบบญี่ปุ่น เอียงคอนิดๆ พอน่ารัก
แล้วเดินจากไปด้วยท่วงท่ามายาดาราเกาหลี….

x_Mugunghwa_SNC00164

ไปแล้วติดใจ ครั้งหลังเลยนั่งรถไฟหวานเย็นไปเอง ค่าตั๋ว 200 บาทเศษๆ
แต่ลองดูสภาพในรถสิ หวานเย็นบ้าอะไรทั้งสะอาด กว้าง โมเดิร์น
รถไฟวิ่งไวด้วย ชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว

ที่เมืองไทยร้านค้าในตลาดมักรวมตัวกันต่อต้านห้างค้าปลีกข้ามชาติขนาดใหญ่พวกบิ๊กซี
โลตัส คิดเป็นแต่จะต่อต้าน คิดในทางสร้างสรรค์พัฒนาตัวเองไม่เป็น
ถามตัวเองก่อนว่า หน้าร้านสวยไหม เดินลำบากไหม ของในร้านฝุ่นเขรอะหรือเปล่า
ที่จอดรถมีไหม ใช้เครดิตการ์ดได้ไหม เดินไปเลือกของร้านอื่นง่ายหรือเปล่า
มีโปรโมชั่นและกิจกรรมร่วมกันระหว่างร้านค้าในละแวกเดียวกันหรือไม่
ที่น่าเขกหัวกว่าคือรัฐบาลและเทศบาลที่ไม่เคยเข้ามาสนับสนุน
สักแต่จะออกกฎหมายมาควบคุมห้างยักษ์ (จนบัดนี้ก็ยังทำอะไรห้างยักษ์ไม่ได้)
แต่ไม่เคยจัดสรรความช่วยเหลือให้ร้านค้าในตลาด ถ้าจีรศักดิ์เป็นเทศบาล
ก็จะทำที่จอดร่วม หาสิ่งกระตุ้นและเงินกู้ให้ร้านค้าในชุมชนปรับแต่งร้านร่วมกัน
สร้างที่พักผ่อนหย่อนใจใกล้ๆ กำหนดกั้นรถไม่ให้ผ่านเป็นบางเวลา
และหากิจกรรมสันทนาการเพื่อเรียกคนมาเดิน ทั้งหมดนี้ทำเป็นโซนๆก็พอ

คิดได้แค่นี้ ห้างยักษ์ก็จะขายดิบขายดีแฮปปี้ไปตลอดชั่วกัลปวสาน…

พูดเรื่องอะไรแบบนี้แล้วเครียดแฮะ มาฟังเพลงเกาหลีกันดีกว่า
เพลงนี้ขอยกให้เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องดีเด่นสุดยอดในรอบปี
ไปเจอในบลอคของชาวบ้าเกาหลีพวกเดียวกัน
เลยเอามาแปลใหม่ในเวอร์ชั่นจีรศักดิ์เอง ฟังแล้วกระแทกความรู้สึกมาก
ความรู้สึกนี้เองที่ญี่ปุ่นเค้าเรียกว่า 切ない(setsunai)
คือมันเจ็บปวดรวดร้าวลึกๆในสถานการณ์ที่ตัวเองหาทางออกไม่เจอ
และที่ตัวเองเป็นอยู่มันแก้อะไรไม่ได้   

 

애인있어요 – 이은미
ฉันก็มีคนที่ฉันรักนะ

아직도 넌 혼잔거니 물어오내요 난 그저 웃어요
อาจิกโด นอน ฮนจากอนี มุลลอ โพเนโย    นาน คือจอ อุสซอโย

เธอถามฉันว่ายังไม่มีคนรักอีกเหรอ ฉันเองก็ได้แต่ยิ้ม

사랑하고있죠 사랑하는 사람 있어요
ซารางฮาโก อิจโจ    ซาราง ฮานึน ซาราม อิสซอโย
มีสิ! ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่

그대는 내가 안쓰러운건가봐
คือเดนึน เนกา   อันซือรออุน กอนกาพวา
ดูเหมือนเธอจะเห็นใจฉันมากเลยนะ

좋은 사람있다면 한번 만나보라 말하죠
โจอึน ซาราม อิตตาเมียน ฮันบอน มันนาโพลา มัลลาโจ
เลยแนะฉันว่าถ้าเจอคนที่คิดว่าดี ก็ให้ลองคบดูสิ

그댄 모르죠 내게도 멋진 애인이 있다는걸
คือเดน โมลือโจ  เนเกโด มอจจิน เออินนี อิตตานึนกอล
แต่เธอน่ะ ช่างไม่รู้เลยอะไรเลย ว่าฉันมีคนรักที่แสนวิเศษอยู่แล้ว

너무 소중해 꼭 숨겨두었죠
นอมู โซจุงเฮ กกซุมเกียวตูวอจโจ
เขามีค่าสำหรับฉันมากจนต้องเก็บซ่อนเอาไว้


그사람 나만 볼수 있어요 내눈에만 보여요
คือซาราม นามัน พุลซู อิสซอโย  เนนุนเนมัน โพยอโย
คนคนนั้น ฉันเท่านั้นที่จะเห็นได้ เห็นด้วยตาของฉันเท่านั้น

내 입술에 영원히 담아둘거야
เน อิบซุลเล ยองวอนฮี ทัมมา ตุลกอยา
ฉันจะเก็บมั่นเอาไว้ไม่ให้หลุดจากปาก

가끔씩 차오르는 눈물만 알고 있죠 그사람 그대라는걸
คากึมชิก ชาอุลือนึน นุนมุลมัน อัลโกอิจโจ   คือซาราม คือเด ลานึนกอล
บางครั้งบางที น้ำตาที่เอ่อล้นเท่านั้นที่รู้ว่าคนคนนั้น ก็คือเธอ…

 

나는 그사람 갖고 싶지않아요 욕심나지 않아요
นานึน คือซาราม คัดโกชิพจิ อันนาโย   ยกชิมแนจิ อันนาโย
ฉันไม่อยากได้เค้ามาเป็นของฉันหรอก ไม่ปรารถนาอะไรอย่างนั้น

그냥 사랑 하고싶어요
คือเนียง ซาราง ฮาโก ชิพพอโย
แค่เพียงได้รักเท่านั้น

그댄 모르죠 내게도 멋진 애인이 있다는걸
คือเด โมลือโจ เนเกโด มอดจิน เออินนี อิตตานึนกอล
เธอคงไม่รู้ล่ะสิว่าฉันก็มีคนรักแล้ว

너무 소중해 꼭 숨겨두었죠
นอมู โซจุงเฮ กก ซุมเกียว ตูวอจโจ
เขามีค่าสำหรับฉันมากจนต้องเก็บซ่อนเอาไว้

 

그사람 나만 볼수 있어요 내눈에만 보여요
คือซาราม นามัน พุลซู อิสซอโย     เนนุนเนมัน โพยอโย
คนคนนั้น ฉันเท่านั้นที่จะเห็นได้ เห็นด้วยตาของฉันเท่านั้น

내 입술에 영원히 담아둘거야
เน อิบซุลเล ยองวอนฮี ทัมมา ตุลกอยา
ฉันจะเก็บมั่นเอาไว้ไม่ให้หลุดจากปาก

가끔씩 차오르는 눈물만 알고 있죠 그사람 그대라는걸
คากึมชิก ชาอุลือนึน นุนมุลมัน อัลโกอิจโจ      คือซาราม คือเด ลานึนกอล
บางครั้งบางที น้ำตาที่เอ่อล้นเท่านั้นที่รู้ว่าคนคนนั้น ก็คือเธอ…

 

알겠죠 나혼자 아닌걸요 안쓰러워 말아요
อัลเกจโจ นาฮนจา อานินกอลเลียว   อันซือลอวอ มัลลาโย
เธอคงจะรู้นะ ว่าฉันไม่ได้อยู่โดดเดี๋ยวเดียวดาย ฉะนั้นขออย่าได้สงสารฉันเลย

언젠가는 그사람 소개할게요 이렇게 차오르는 눈물이
ออนเจคานึน คือซาราม โซเก ฮัลเกโย   อีรอเค ชาโอลือนึน นุนมุลลี
อีกหน่อยฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักกับเขา

말 하나요 그사람 그대라는 걸
มัลลานาโย    คือซาราม คือเค ลานึนกอล
น้ำตาที่เอ่อล้นจะบอกออกไปว่า คนคนนั้น ก็คือเธอนั่นแหละ…

 

อ้อ ที่ว่า คนรักที่ตัวเองเท่านั้นที่เห็นได้ มันเป็นเพราะว่าฉันรักเธอคนถามนั่นเอง
คนถามจะเห็นตัวเองได้อย่างไรเนอะ เข้าใจเล่นแฮะ คนแต่งเพลงนี้

อ้าว ว่าจะแนะเพลงแก้เครียด ยิ่งเครียดไปใหญ่…

 

ฉานเป็นคนแบบไหนเอ่ย..

เคยไหม.. ที่ตั้งใจจะทำอะไรที่แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ และคนอื่นอาจจะไม่เห็นคุณค่า
แต่เราก็อยากจะทำมันให้ได้ สำหรับจีรศักดิ์ หนึ่งในนั้นก็คือ การถ่ายภาพสี่ฤดู
ของสถานที่เดียวกัน แล้วเอามาวางต่อกัน หลังจากใช้ชีวิตสองปีที่เกาหลี
ความตั้งใจนั้นก็เป็นผลสำเร็จ ที่ต้องใช้เวลาสองปีก็เพราะปีที่แล้วหิมะตกไม่หนาพอ
ที่จะแสดงถึงฤดูหนาวได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีสิ่งที่ชวนตะหงิดนิดนึงในรูปตรงที่
ภาพมันไม่ได้ถ่ายจากมุมเดียวกับเปี๊ยบเลยซะทีเดียว แม้ว่าจะพยายามแล้วก็ตาม…

Z_Season_490_University

เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมชาติ รักศิลปะ และสนใจวัฒนธรรม อย่างที่คนเกาหลีเรียกว่า
มุมฮวาอิน(문화인) จริงๆใครๆก็อ้างตัวเองว่ารักธรรมชาติชอบศิลปวัฒธรรมทั้งนั้น
โดยเฉพาะเวลาเดทกันใหม่ๆ ฮ่าๆๆ แต่จีรศักดิ์มั่นใจว่าตัวเองเป็น”มุนฮวาอิน”เข้าขั้นนะ
แม้จีรศักดิ์จะชอบพวกgadgetsของไฮเทคต่างๆ แต่จีรศักดิ์ก็ชอบของเก่าขลังมลังมเลือง
ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครชวนไปดูการแสดงประเภทระบำรำฟ้อน
หรือดนตรีโบราณ(ไม่โบราณก็ได้นะจ๊ะ)ละก็ จีรศักดิ์ไม่เคยปฏิเสธ

x_Busan_Trad_Music_DSC03299

เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เพิ่งไปดูการฟ้อนรำประกอบดนตรีสดโบราณของเกาหลีมาอีก
คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อน เพราะใช้ดนตรีและนักร้องขับขานแสดงสดๆ ไม่ได้เปิดเทปเอา
เสียงจึงดูสมจริงน่าขนลุก ถึงน้ำถึงเนื้อและให้ความรู้สึกสดซิงๆ การแสดงจัดขึ้นที่
Busan Korean Traditional Performing Art ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆโรงละคร
ในเมืองปูซาน เมืองที่มีประชากรแค่3ล้านกว่าคน (น้อยกว่ากรุงเทพสามเท่า)
สำหรับจีรศักดิ์ ประเทศที่พัฒนาแล้วหรือไม่พัฒนา วัดกันตรงที่ประเทศนั้นให้ความสำคัญ
กับคุณค่าทางวัฒนธรรมขนาดไหน ไม่ใช่พูดแต่ปากหรือเอาแต่พล่ามโฆษณาในทีวี
ว่าให้ช่วยกันรักและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอันแสนจะดีงาม

z_Busan_Trad_Music_Theatre_DSC03297

ค่าตั๋วชั้นบน 300 บาท ถ้าเป็นเมืองไทย เงิน300บาทคงจะหาอะไรดูดีดีไม่ได้
นอกจากดูหนัง แต่ที่เกาหลี ราคานี้เป็นราคามาตรฐานสำหรับการแสดงทางวัฒนธรรมทั่วไป
คาดว่ารัฐบาลจะช่วยสนับสนุนบางส่วน

z_Korea_DSC03296 

หน้าเวทีจะเห็นนักดนตรีและนักร้องขับเห่กล่อม พอการแสดงจบ ส่วนนี้จะยุบหายลงไป
ราวขอมดำดิน ชอบเสียงดนตรีมากกว่าการแสดงอีกนะ
ไม่นึกว่าคนตรีเกาหลีพอครบวงจะบรรเลงได้เพราะขนาดนี้

z_Korean_Dance_DSC03283 

ถ่ายมาได้ไม่กี่รูปหรอก เพราะจริงๆเค้าห้ามถ่ายภาพ การแสดงสวยๆออกมาทีไร
ป้าพนักงานก็มายืนใกล้จีรศักดิ์ทุกทีราวกับรู้ว่าจีรศักดิ์กำลังแอบ หึ เจ็บใจ..

z_Cafe_Silla_DSC03301 

นอกจากจะถูกเพื่อนๆเกาหลีนิยามจีรศักดิ์ว่าเป็นมุนฮวาอินแล้ว ยังถูกตั้งฉายาอีกว่าเป็น
”เทนจังนัม” (된장남) ซึ่งแปลได้ว่าพวกเงินน้อยแต่ติดหรู ฮ่าๆๆ
ยังมีฉายาอื่นๆอีกนะ แต่ว่าพูดไปจะเข้าตัวเอง เอาไว้บอกทีหลัง คั่กๆๆ
ฉายานี้ได้มาเพราะเพื่อนๆจับได้ว่าจีรศักดิ์ชอบไปนั่ง Starbucks
เดี๋ยวนี้เลยต้องลดดีกรีลงมานั่งร้านกาแฟใต้หอ แต่อ๊ะๆ อย่าคิดว่าร้านกาแฟใต้หอพัก
ของมหาลัยจีรศักดิ์จะขี้ขี้นะ ดูภาพระยะไกลได้จากรูปข้างบน
สวยเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลเลย เดินขึ้นหอทีไร เหมือนมันส่งเสียงเรียกร้อง
ให้แวะไปเยี่ยมเยียนมัน

z_cafe_Silla_Photo_100426-0013

ไม่ได้ถ่ายภาพมุมกว้าง เอามาให้ดูแต่รูปนี้เพราะมีจีรศักดิ์เสนอหน้าอยู่ในรูป
ช่วงนี้ร้านกาแฟจึงกลายเป็นห้องอ่านหนังสือของจีรศักดิ์ในบางโอกาส แต่ส่วนใหญ่
จะเอาไว้เป็นที่เมาท์กับเพื่อนๆมากกว่า..

mms_10_300108030899901e

เพิ่งไปย้อมผมมา อิ อิ ไม่ได้ไปที่ร้านหรอก รูมเมทเกาหลีมันทำให้ มันบอกว่า
คราวหน้าแกทำเองนะ รู้แล้วใช่ไหมว่าเค้าย้อมกันยังไง หึ ดี คราวหน้าจะย้อมสีม่วง
ประชดมัน (ค้มไหมเนี่ยะ) เพิ่งรู้ว่าการย้อมผมด้วยตัวเองง่ายกว่าที่คิด แต่ก็เลอะเทอะ
กว่าที่คิดเหมือนกัน คราวนี้กลัวย้อมแล้วจะกลายเป็นสีทองแบบหมาฝรั่ง เลยเลือกเอา
สีเข้มๆ ปรากฎว่า ถ้าไม่โดนแดดนี่แทบดูไม่ออกจริงๆว่าไปย้อมผมมา แต่ถ้าโดนแดด
มันจะเปล่งประกายสีน้ำตาลแบบนี้ อิอิ
วันหลังเอาสีอ่อนกว่านี้อีกหน่อย
ย้อมผมมันดีแบบนี้นี่เอง…

Previous Older Entries