กิจกรรมใหม่สำหรับคนพันธุ์นกฮูก

มีอันต้องไปหาดป่าตองและจำต้องรอเพื่อนซึ่งเข้าไปร่าเริงในเธคจนถึงตีสอง
(เอ่ยชื่อก็ได้ ไอ้สัน แก ..แก่แล้วไม่เจียม ยังไปเที่ยวเธคอีก) 
โชคดีที่ตอนนี้มีห้างโรบินสันเพิ่งเปิดใหม่ในอภิมหาห้างจังซีลอนซึ่งเปิดถึง 5 ทุ่มแน่ะ
และโขคดีกว่านั้นที่มีโรงหนัง SFX เปิดใหม่ในโรบินสันอีกที (อ่านแล้วงงไหมเนี่ยะ) 
หนังรอบดึกสุดก็เริ่มตั้งเที่ยงคืนกว่า (โอ๊ว.) การรอเพื่อนครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่หฤหรรษ์เป็นพิเศษ

หนังที่ดูเป็นหนังที่ใครบางคนเคยแนะนำให้ดู (เรื่องนี้หรือเปล่าวะแก ไอ้ชมพู่)
และมันก็เป็นอะไรที่เกี่ยวกับสาขาที่จีรศักดิ์จะไปเรียนต่อปริญญาเอก
(อ้อ ลืมบอกไป กรูได้ทุนแล้วโว้ย ว่าแต่เงินสองล้านมันจะพอกินไหมหว่า)
บอกให้ก็ได้ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  สาขานี้จีรศักดิ์สนใจเป็นพิเศษ
เพราะจีรศักดิ์เป็นโรคกระหายใคร่รู้ว่าประเทศไหนจะไปเล่นจ้ำจี้กับประเทศไหน
ด้วยเหตุผลส้นตีนอะไร (แอบด่าแกนั่นแหละ ไอ้พวกอเมริกันไร้ราก…)
ส่วนเรื่องดารานักร้องมันจะไปลงนรกตกทะเลที่ไหนก็ไม่เคยสนสักหีด (แปลว่าสักนิดน่ะ)
อย่างไรก็ดี พื้นความรู้ด้านนี้จีรศักดิ์ยังมีน้อยมาก ก็กำลังเร่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
กองโตที่หอบมาจากสิงคโปร์อยู่ ห้าเดือนผ่านไป เพิ่งอ่านได้ครึ่งเล่ม ตายแน่ๆงานนี้

เข้าเรื่องดีกว่า หนังชื่อว่า "Lions for Lambs" มันเป็นหนังที่มีบทสนทนาเป็นส่วนใหญ่
ไม่มีแอคชั่นเท่าไหร่ และเป็นหนังที่เน้นการเมืองจ๋ามาก คาดว่า จะเข้าไทยได้สักสองวัน
เดี๋ยวก็ต้องลาโลง (เอ้ย ลาโรง) ไป รอบที่ไปดูมีผู้ชมอยู่ 4 คน ไม่รู้เพราะดึกไปหรือหนัง
มันไม่ใช่หนังตลาด…

หนังมันเป็นอะไรที่จบแบบเหวอๆ (เคยไหม อารมณ์นี้) ไม่มีฉากไหนน่าจดจำมาฝันต่อ
แต่ประเด็นและคำพูดเจ็บๆมันก็มาแทงสมองจึ๊กๆเป็นระยะ แม้ว่าหนังจะจบไปแล้ว

เขียนมายาวแต่ ลืมเขียนว่าเนื้อเรื่องมันเป็นยังไง เอาแบบสั้นๆว่า วุฒิสมาชิกหนุ่มผู้มี
อนาคตไกลและอาจจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เผยตัวตนที่แท้จริงกับนักข่าว
ว่าแท้จริงแล้วตัวเองก็เชื่อว่าจะต้องส่งกองทหารบุกอัฟกานิสถานภายใต้สงคราม
ต่อต้านการก่อการร้าย "War on Terror" ต่อไป ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร 
ตามนโยบายของพรรค Republican ที่ตนสังกัด (ทำเพื่อนาคตตัวเองในพรรคมากกว่า)
แต่ข่าวกรองที่ผิดพลาดทำให้ต้องเสียทหารไปสองนายระหว่างการบุก
ทหารสองนายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สละความสุขเพื่ออุดมการณ์
และเพื่ออนาคตที่ดีกว่าในฐานะนักศึกษาที่ยากจนและต้องกู้เงินเรียน (เพื่อตัวเองด้วย)
จริงๆมีนักศึกษาหัวดีอีกคนที่กำลังถูกอาจารย์ convince ให้ทำอะไรเพื่อชาติ
แทนที่จะหาความสุข (เพื่อตัวเอง) ในฐานะคนชั้นกลางทั่วไป

นักข่าวสาวแก่ (แห่ง Lady wears PRADA) ก็เพิ่งมาสำนึกตัวเองจากการสนทนากับ
วุฒิสมาชิกว่าเมื่อก่อนตัวเองก็ขายข่าวสงครามเพื่อตัวเองเหมือนกัน เอาตัวเองเป็น
กระบอกเสียงให้รัฐบาลโดยไม่ใคร่ครวญว่าการกระทำของรัฐบาลนั้นชอบธรรมหรือไม่

เนื้อเรื่องย่อๆมันก็ประมาณนั้น ฟังดูเหมือนจะไม่น่าสนุก แต่มันสนุกที่บทสนทนา
ที่มีการกัดถีบจิกตีด้วยคำพูดตลอด 120 นาทีโดยไม่เว้นระยะ บางทีตามไม่ค่อยทัน
สงสัยต้องดูอีกหลายๆรอบ หนังมีเนื้อหาสุดโต่ง ถ้าจีรศักดิ์เป็นบระธานาธิบดีบุช
จะสั่งไม่ให้เข้าฉายเลยแหละ

ลองไปหาในเนทดู ชื่อเรื่อง Lions for Lambs มันมาจากคำพูดของนายพลเยอรมันคนหนึ่ง
ที่เสียดสีทหารอังกฤษว่า กองทหารที่กล้าหาญเปรียบเหมือนแกะ ที่อยู่ภายใต้การนำของ
สิงโตที่โง่ขลาด อุดมการณ์ที่ทหารถูกปลูกฝัง แท้จริงก็เพื่อรับใช้นักการเมืองที่ดูเผินๆ
เหมือนจะทำเพื่อชาติ แต่จริงๆแล้วก็เพื่อตัวเองและบรรษัทยักษ์ใหญ่ที่หนุนหลังอยู่  

หลังเหตุการณ์เครื่องบินชนตึก WTC ใหม่ๆ ประชาโลกแซ่ซ้องให้อเมริกาทำอะไรสักอย่าง
กับพวกอิสลามคลั่งอุดมการณ์ เวลาผ่านไปถึง พศ นี้ ทั่วโลกได้รู้แล้วว่า คนที่คลั่งกว่า
จนน้ำลายฟูมปากคืออเมริกาต่างหาก อีกมือกำเงิน อีกมือถือปืน วิ่งไล่ล่าผู้ก่อการร้าย
และฝ่ายตรงข้ามทั่วโลกอย่างบ้าเลือด ในหัวมีแต่อุดมการณ์อนุรักษ์นิยมอย่างรุนแรง
เชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เพื่อปกป้องชาวอเมริกันที่แสนจะบอบบางและขวัญเสีย

ยังไม่พอ แม้แต่พวกเดียวกันอย่างไทยและประเทศอื่น ภายใต้ความเชื่อใน
เศรษฐกิจเสรีทุนนิยม อเมริกาก็ยังเอาคัมภีร์ปกทองชื่อปก "การค้าเสรีและโลกาภิวัฒน์"
มาหลอกให้เราตายใจ ในเล่มกลับซ่อนยาพิษชื่อตัวยา
"ลัทธิล่าอาณานิคมแบบใหม่" เพื่อมัดและฆ่าพวกเรา 

ในหนังมีหลายประโยคที่ชวนให้คิด อย่างเช่น  If you don’t STAND for something,
you might FALL for anything. ถ้าเราคิดว่าการเมืองระหว่างประเทศเป็นเรื่องไกลตัว
สักวันเราจะได้รู้ว่ามันใกล้เราแค่ปลายจมูก ถ้าเราไม่คิดและทำอะไรสักอย่าง มัวแต่เล่น
ไปวันๆ ไม่มีอุดมการณ์และยืนหยัดเพื่อความถูกต้องและชอบธรรม
สักวันเราจะสูญเสียทุกอย่าง โดยไม่รู้ตัว…

อดีตนายกหน้าเหลี่ยมของเราสนิทสนมชมจันทร์กับ จอร์จ บุช ดูแล้วไม่เกี่ยวตรงไหนกับเรา…
อเมริกาจะไปรุกรานประเทศอะไร เราก็เห็นว่าไม่เกี่ยว มันเป็นแต่ข่าวต่างประเทศ… 
แล้วสักวันเราจะได้สำนึก.. เมื่อญาติเราตายเพราะระเบิดจากการก่อการร้าย..
เมื่อเราต้องเติมน้ำมันลิตรละ 50 บาท..
เมื่อโรงแรมในภูเก็ตทั้งหมดตกเป็นของต่างชาติ..
แล้วเราถึงจะเริ่มสำนึก
(กันหรืออย่างไร)

เห็นไหม ที่โดนหลอกให้อ่านมานี้ เพื่อสนองความคิดของจีรศักดิ์ที่ว่า
การเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัว และจีรศักดิ์สมควรอย่างยิ่งที่จะได้เงิน
สองล้านไปนอนเล่นเป็นกิจกรรมหลัก แต่เรียนเป็นกิจกรรมเสริมที่เกาหลี ใช่ไหม..       
 

  (เนื้อหาคราวนี้เครียดนิดหน่อย ขอบคุณทุกท่านที่อนทนอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย)

3 Comments (+add yours?)

  1. Fun Diary
    Nov 11, 2007 @ 12:32:20

    ขอบคุณสำหรับการวิเคราะห์และข้อคิดเห็นดีๆอย่างนี้เสมอ
    ชอบหนังเรื่องนี้นะ ดูไปก็สะใจแล้วก็ชอบบทในเรื่อง แต่ก็ต้องคิดเสมอว่า สร้างจากมุมมองของคนที่ไม่ชอบรีพลับริกัน และต่อต้านสงครามอย่างโรเบิร์ต เรดฟอร์ด
    ก้องพูดถูกที่เราจะต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงนโยบายการต่างประเทศของประเทศต่างๆและแน่นอนต้องมีจุดยืนของตัวเองด้วย  ……..จะว่าไปนโยบายประณีประนอมของไทยที่เคยใช้ได้ผลเมื่อก่อนอาจจะไม่ได้ผลตอนนี้แล้วก็ได้ว่าป่าว
    แต่นโยบาย ข่าวต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยอีกต่อไป เนี่ย มันคุ้นๆยังไงไม่รู้ …..เหมือนรายการตอนเช้าของทีวีเนชั่นแล้วก็โมเดิร์นไนน์ยังไงพืกลเนอะ
     
     

    Reply

  2. OyA
    Nov 11, 2007 @ 14:58:36

    ไปดูเรื่องนี้เหมือนกัน ดูไม่รู้เรื่องเพราะไม่ใช่คอการเมือง และยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว และไม่พยายามเอาตัวเข้าไปใกล้มันด้วย ขอดำเนินชีวิตแบบกรีดช่องน้อยเอาตัวรอด เป็นคนไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง (ยกเว้น ไม่ทิ้งขยะผิดที่) ไม่มีอุดมการณ์ และไม่เคยรู้สึกว่าทักษิณสนิทกับจอร์จบุช จะเป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจ ไม่รู้สึกว่าโลกร้อนขึ้นเพราะเราใช้ทรัพยากรมากเกินไป และไม่รู้สึกว่าน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะเรากินข้าวจากกล่องโฟม ….ว้า….

    Reply

  3. toton
    Nov 11, 2007 @ 15:44:00

    อืมม…. ชั้นรู้แต่ว่าตราบใดที่ชั้นยังใช้ชีวิตแบบไม่ได้เบียดเบียนตัวเอง และเบียดเบียนชาวบ้าน
    คงจะพอช่วยให้โลกสงบสุขบ้างแหละ ถึงแม้ว่าชั้นเลือกการนั่งมอไซค์ผลาญทรัพยากรน้ำมันมากกว่าการเดินตากแดด
    หรือ ชั้นชอบดูเด็กลูกครึ่งฝรั่งแถวๆคอนโด ซึ่งแปดสิบเปอร์เซนต์ พ่อของเด็กๆพวกนี้เป็นเจ้าของห้อง ไม่ใช่คนไทย

    Reply

Leave a reply to toton Cancel reply